วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2552
ทำไมผิวหนังส่วนที่ปิดพลาสเตอร์จึงขาวซีด
เป็นเพราะเหงื่อจากผิวหนังจะไหลออกมาตลอดเวลา แต่ไม่สามารถระเหยออกไปได้เพราะถูกพลาสเตอร์ปิดทับไว้ เลยทำให้ผิวหนังส่วนนั้นเหี่ยวย่น และที่เหี่ยวย่นเพราะเมื่อหนังกำพร้าถูกน้ำ มันจะดูดน้ำไว้และยืดออกจึงดูเหี่ยวย่น
ทำไมต้องนั่งเขย่าขา
พ.ญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ หัวหน้ากลุ่มงานวิชาการฯ ศูนย์สุขวิทยาจิต อธิบายว่าพฤติกรรมทั้งสามแบบนี้เริ่มต้นเหมือนกัน คือ จากการ กระตุ้นตัวเอง เพียงเล็กน้อย จนติดเป็นนิสัย และกลายเป็น ความเคยชิน ในที่สุด แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือ ความรุนแรงของพฤติกรรม ทั้งสามนี้ต่างกัน "เขย่าขาเป็นอาการที่พบได้ทั่วไป กัดเล็บอาจเป็นพฤติกรรมที่ชัดเจนยิ่งขึ้น สุดท้ายถอนผม ถ้าถอนน้อยๆ ไม่เป็นไร แต่ถ้าถอนซ้ำๆ ที่เดิมมากๆ …ชักไม่ธรรมดาค่ะ"
เขย่าขา…แค่เสียบุคลิก
การเขย่าขาเป็นอาการที่พบได้ทั่วๆ ไป ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงนัก มักพบในเด็กชายมากกว่าเด็กหญิง ซึ่งคุณหมอบอกว่า อาจเป็นผลมาจากการดูแลสั่งสอนที่ว่า ผู้หญิงจะต้องเรียบร้อย สาวน้อยจึงบังคับกิริยาอาการมากกว่า ในขณะที่พื้นฐานอารมณ์ของเด็กผู้ชาย ก็มักอยู่ไม่ค่อยนิ่งกว่าเด็กผู้หญิงอยู่แล้ว ทั้งผู้ใหญ่ก็มักปล่อยไม่เข้มงวด เรื่องกิริยาอาการเท่าเด็กหญิง
"ทำไมต้องเขย่าขา เหตุผลแรกอาจเริ่มจากความเบื่อ จึงต้องหาอะไรสักอย่างทำเพื่อกระตุ้นตัวเอง แล้วก็เคยชิน เมื่อความเคยชินของเด็กเกิดไปขัดกับสิ่งที่พ่อแม่คาดหวัง การเขย่าขาจึงถูกมองว่าเป็นปัญหา เรามักจะพบบ่อยในครอบครัวที่ค่อนข้างอนุรักษ์นิยม เวลาเห็นเด็กนั่งเขย่าขาก็จะทนไม่ได้ ซึ่งตรงนี้กลายเป็นความขัดแย้ง และเกิดปัญหาทางอารมณ์ตามมา แทนที่จะหยุดเขย่า โดนจี้จุดก็ยิ่งเขย่ามากขึ้นอีก ทางแก้คือ ควรหากิจกรรมอื่นมาเบนความสนใจ อย่าไปจี้จุดเขา หมอก็เป็นคนหนึ่งที่สมัยเด็กๆ ติดนิสัยเขย่าขา แล้วอยู่ๆ มันก็หายไปได้เอง…ตรงนี้ขึ้นอยู่กับคนมองมากกว่า"
คุณหมอบอกว่า เราสามารถพบเด็กที่มีการกระตุ้นตัวเองสูง และค่อนข้างรุนแรงได้ตามสถานสงเคราะห์ต่างๆ บางคนกระตุ้นตัวเองด้วยการเอาหัวโขกพื้นบ้าง โขกฝาบ้าง เพียงเพราะเขาเบื่อ หรืออยากให้คนสนใจ เด็กอีกกลุ่มที่พบว่ามีการกระตุ้นตัวเองสูงคือ เด็กที่เป็นโรคสมาธิสั้น ซึ่งมักจะนั่งนิ่งๆ ไม่ค่อยได้ แต่ทั้งนี้ก็ไม่ใช่ว่าเห็นเด็กเขย่าขาแล้วจะต้องเป็นสมาธิสั้นหมดทุกคนหรอกนะคะ ต้องดูอาการอื่นประกอบด้วยค่ะ เช่น ความสนใจสั้น ซุกซนมาก หกล้มหกลุกบ่อย เจ็บตัวได้ง่าย และค่อนข้างก้าวร้าวกว่าเด็กทั่วไป แต่ทั้งนี้ต้องแยกประเด็นออกจากการเลี้ยงดูโดยไม่ได้สอนวินัยให้กับเขาด้วย เพราะเด็กที่ไม่ได้ถูกสอนวินัยนี้ เวลาที่เขาเครียดมักจะแสดงออกในลักษณะซนมาก แต่ถ้าตัดประเด็นนี้ได้ก็ให้สงสัยว่าเด็กอาจเป็นโรคสมาธิสั้นได้
เขย่าขา…แค่เสียบุคลิก
การเขย่าขาเป็นอาการที่พบได้ทั่วๆ ไป ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงนัก มักพบในเด็กชายมากกว่าเด็กหญิง ซึ่งคุณหมอบอกว่า อาจเป็นผลมาจากการดูแลสั่งสอนที่ว่า ผู้หญิงจะต้องเรียบร้อย สาวน้อยจึงบังคับกิริยาอาการมากกว่า ในขณะที่พื้นฐานอารมณ์ของเด็กผู้ชาย ก็มักอยู่ไม่ค่อยนิ่งกว่าเด็กผู้หญิงอยู่แล้ว ทั้งผู้ใหญ่ก็มักปล่อยไม่เข้มงวด เรื่องกิริยาอาการเท่าเด็กหญิง
"ทำไมต้องเขย่าขา เหตุผลแรกอาจเริ่มจากความเบื่อ จึงต้องหาอะไรสักอย่างทำเพื่อกระตุ้นตัวเอง แล้วก็เคยชิน เมื่อความเคยชินของเด็กเกิดไปขัดกับสิ่งที่พ่อแม่คาดหวัง การเขย่าขาจึงถูกมองว่าเป็นปัญหา เรามักจะพบบ่อยในครอบครัวที่ค่อนข้างอนุรักษ์นิยม เวลาเห็นเด็กนั่งเขย่าขาก็จะทนไม่ได้ ซึ่งตรงนี้กลายเป็นความขัดแย้ง และเกิดปัญหาทางอารมณ์ตามมา แทนที่จะหยุดเขย่า โดนจี้จุดก็ยิ่งเขย่ามากขึ้นอีก ทางแก้คือ ควรหากิจกรรมอื่นมาเบนความสนใจ อย่าไปจี้จุดเขา หมอก็เป็นคนหนึ่งที่สมัยเด็กๆ ติดนิสัยเขย่าขา แล้วอยู่ๆ มันก็หายไปได้เอง…ตรงนี้ขึ้นอยู่กับคนมองมากกว่า"
คุณหมอบอกว่า เราสามารถพบเด็กที่มีการกระตุ้นตัวเองสูง และค่อนข้างรุนแรงได้ตามสถานสงเคราะห์ต่างๆ บางคนกระตุ้นตัวเองด้วยการเอาหัวโขกพื้นบ้าง โขกฝาบ้าง เพียงเพราะเขาเบื่อ หรืออยากให้คนสนใจ เด็กอีกกลุ่มที่พบว่ามีการกระตุ้นตัวเองสูงคือ เด็กที่เป็นโรคสมาธิสั้น ซึ่งมักจะนั่งนิ่งๆ ไม่ค่อยได้ แต่ทั้งนี้ก็ไม่ใช่ว่าเห็นเด็กเขย่าขาแล้วจะต้องเป็นสมาธิสั้นหมดทุกคนหรอกนะคะ ต้องดูอาการอื่นประกอบด้วยค่ะ เช่น ความสนใจสั้น ซุกซนมาก หกล้มหกลุกบ่อย เจ็บตัวได้ง่าย และค่อนข้างก้าวร้าวกว่าเด็กทั่วไป แต่ทั้งนี้ต้องแยกประเด็นออกจากการเลี้ยงดูโดยไม่ได้สอนวินัยให้กับเขาด้วย เพราะเด็กที่ไม่ได้ถูกสอนวินัยนี้ เวลาที่เขาเครียดมักจะแสดงออกในลักษณะซนมาก แต่ถ้าตัดประเด็นนี้ได้ก็ให้สงสัยว่าเด็กอาจเป็นโรคสมาธิสั้นได้
ทำไมมันฝรั่งถึงงองุ้ม
ฝรั่งทอด อาหารว่างแสนอร่อยของผู้คนทั่วโลกชนิดนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2396 ด้วยฝีมือของ จอร์จ ครัม ชาวอินเดียนแดง ซึ่งเป็นพ่อครัวประจำมูนเลกลอดจ์ สถานที่พักผ่อนตากอากาศของบรรดามหาเศรษฐีในเมืองซาราโตกาสปริงส์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
รูปร่างหน้าตางองุ้มของมันฝรั่งทอดเกิดขึ้นโดยบังเอิญในวันหนึ่ง เมื่อมีแขกคนหนึ่งของมูนเลกลอดจ์บ่นว่า มันฝรั่งที่ครัมทำออกมาเสิร์ฟนั้นมันหนาเกินไป ครัมจึงแก้เผ็ดด้วยการฝานมันฝรั่งเป็นแผ่นบางๆ แล้วนำไปทอด
แต่การแผ้เผ็ดครั้งนั้นกลายกลับเป็นว่าลูกค้าชอบ กระทั่งได้รับความนิยมแพร่หลายจนคนทั่วไปเรียกติดปากว่า "มันฝรั่งแผ่นของซาราโตกา" และกลายเป็นอาหารจานเด่นของมูนเลกลอดจ์ เป็นเมนูฮิตจนกระทั่งภัตตาคารอื่นๆ ในแถบตะวันออกของสหรัฐ พากันลอกเลียนแบบ
แต่ขณะที่ชาวบ้านทั่วๆ ไปเริ่มรู้จักมันฝรั่งแผ่นหลังวิลเลียม แทป เปนเดน ดัดแปลงโรงนาเป็นโรงงานมันฝรั่งเป็นแห่งแรกในเมืองคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ
รูปร่างมันฝรั่งทอดทั้งของครัมและแทปเปนเดนล้วนเป็นผลมาจากการฝานพืชผลรูปร่างกลมให้ได้ประโยชน์มากที่สุด
ถ้ารูปร่างของมันฝรั่งแผ่นเป็นผลงานของธรรมชาติ แสดงว่า ขอบโค้งงอของแผ่นมันฝรั่งก็เป็นฝีมือของธรรมชาติเช่นกัน เพราะมันฝรั่งประกอบด้วยของแข็งประมาณร้อยละ 25 (ส่วนใหญ่เป็นแป้งกับน้ำตาล) ส่วนอีกร้อยละ 75 เป็นน้ำ แต่อัตราส่วนนี้ไม่ตายตัวเสมอไป
แล้วมันม้วนงอได้อย่างไร?
มาร์ชา แมกนีล เชอร์มาน ผู้อำนวยการด้านเทคนิคของสมาคมผลิตอาหารว่างสหรัฐอเมริกา อธิบายว่า ปกติเนื้อมันฝรั่งซึ่งเป็นของแข็งมักกระจุกตัวอยู่ตรงชั้นระหว่างเปลือกกับแกนกลาง การทอดคือกระบวนการทำให้แห้ง มันฝรั่งที่มีน้ำฉ่ำๆ ย่อมสิ้นเปลืองพลังงานและเวลาในการทำให้แห้ง มากกว่ามันฝรั่งที่เนื้อแน่นๆ
เมื่อมันฝรั่งแผ่นที่ฝานแล้วถูกนำไปทอด ส่วนที่มีความชื้นน้อยกว่าจะแห้งเร็วกว่าส่วนที่มีความชื้นมากกว่า ขอบมันฝรั่งจึงแห้งเร็วกว่าตรงกลางและม้วนงออย่างที่เห็นกันทั่วไปนั่นเอง
รูปร่างหน้าตางองุ้มของมันฝรั่งทอดเกิดขึ้นโดยบังเอิญในวันหนึ่ง เมื่อมีแขกคนหนึ่งของมูนเลกลอดจ์บ่นว่า มันฝรั่งที่ครัมทำออกมาเสิร์ฟนั้นมันหนาเกินไป ครัมจึงแก้เผ็ดด้วยการฝานมันฝรั่งเป็นแผ่นบางๆ แล้วนำไปทอด
แต่การแผ้เผ็ดครั้งนั้นกลายกลับเป็นว่าลูกค้าชอบ กระทั่งได้รับความนิยมแพร่หลายจนคนทั่วไปเรียกติดปากว่า "มันฝรั่งแผ่นของซาราโตกา" และกลายเป็นอาหารจานเด่นของมูนเลกลอดจ์ เป็นเมนูฮิตจนกระทั่งภัตตาคารอื่นๆ ในแถบตะวันออกของสหรัฐ พากันลอกเลียนแบบ
แต่ขณะที่ชาวบ้านทั่วๆ ไปเริ่มรู้จักมันฝรั่งแผ่นหลังวิลเลียม แทป เปนเดน ดัดแปลงโรงนาเป็นโรงงานมันฝรั่งเป็นแห่งแรกในเมืองคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ
รูปร่างมันฝรั่งทอดทั้งของครัมและแทปเปนเดนล้วนเป็นผลมาจากการฝานพืชผลรูปร่างกลมให้ได้ประโยชน์มากที่สุด
ถ้ารูปร่างของมันฝรั่งแผ่นเป็นผลงานของธรรมชาติ แสดงว่า ขอบโค้งงอของแผ่นมันฝรั่งก็เป็นฝีมือของธรรมชาติเช่นกัน เพราะมันฝรั่งประกอบด้วยของแข็งประมาณร้อยละ 25 (ส่วนใหญ่เป็นแป้งกับน้ำตาล) ส่วนอีกร้อยละ 75 เป็นน้ำ แต่อัตราส่วนนี้ไม่ตายตัวเสมอไป
แล้วมันม้วนงอได้อย่างไร?
มาร์ชา แมกนีล เชอร์มาน ผู้อำนวยการด้านเทคนิคของสมาคมผลิตอาหารว่างสหรัฐอเมริกา อธิบายว่า ปกติเนื้อมันฝรั่งซึ่งเป็นของแข็งมักกระจุกตัวอยู่ตรงชั้นระหว่างเปลือกกับแกนกลาง การทอดคือกระบวนการทำให้แห้ง มันฝรั่งที่มีน้ำฉ่ำๆ ย่อมสิ้นเปลืองพลังงานและเวลาในการทำให้แห้ง มากกว่ามันฝรั่งที่เนื้อแน่นๆ
เมื่อมันฝรั่งแผ่นที่ฝานแล้วถูกนำไปทอด ส่วนที่มีความชื้นน้อยกว่าจะแห้งเร็วกว่าส่วนที่มีความชื้นมากกว่า ขอบมันฝรั่งจึงแห้งเร็วกว่าตรงกลางและม้วนงออย่างที่เห็นกันทั่วไปนั่นเอง
ทำไมสาวไม่ชอบหนุ่มนิสัยเด็ก
หญิงมักมีความรู้สึกและอารมณ์หลากหลายที่บางครั้งก็ขึ้นๆลงๆ บางทีก็แปลกประหลาด เพราะถ้าเดี๋ยวคุณเธอเกิดนึกอยากรัก หรือหลงใหลได้ปลื้มใครสักคนขึ้นมา
หล่อนก็จะรักหัวปักหัวปําขึ้นมาเชียว ซึ่งบางครั้งก็มีเหตุผลที่ไปรักเค้าหรอกนะ แต่ บางรายก็ทำให้เพื่อนใกล้ชิดส่ายหน้าว่าไปรักไอ้ตูบนั่น (แฟนของหล่อนที่เพื่อนลงมติไม่เห็นด้วย) ได้ไงฟะแต่ในเมื่อหล่อนจะรักซะอย่าง แล้วใครกล้าไปขัดใจเพื่อนได้ล่ะ ก็ชีวิตมันเป็นของหล่อนนี่นา ในทางตรงข้าม ถ้าเมื่อไหร่หล่อนไม่ชอบหน้า หรือไม่สบ อารมณ์ใครสักคนขึ้นมา ก็ยากเหมือนกันนะที่เธอจะให้ความเลิฟกะเค้าง่ายๆ ใครบอกล่ะว่าสาวๆใจง่ายเสมอไป...ถ้าคิดผิดก็คิดใหม่ได้นะฮ้า เท่าที่สังเกตความปรารถนาของผู้หญิงหากคิดจะมีแฟนสักคน (หรือมีกิ๊กอีก 4-5 คน...ฮะๆๆ พูดเล่นน่า แต่ถ้าริจะทำจริงก็ตัวใครตัวมันละกันเฟ้ย) ส่วนใหญ่คนที่หล่อนเลือกมักมีคุณสมบัติราวๆนี้ คือ มีความเป็นผู้ใหญ่กว่า, ใจดี, มีตังค์, ไม่มักมากในกาม ซึ่งแปลว่าไม่เจ้าชู้นั่นเอง ดังนั้น สาวๆส่วนมากจึงไม่ค่อยชอบคบ "เด็ก" เป็นแฟนเท่าไหร่นักหรอก
แต่ก่อนอื่นขออธิบายคำว่า "เด็ก" ในที่นี้ก่อน ว่ามีบุคลิกแบบนี้นะ ได้แก่...
1. คนที่มีความคิดเป็นเด็ก จริงๆ และมีพฤติกรรมแบบเด็กอย่างเด่นชัด
แบบว่า ยังชอบที่จะเล่นเกม, ชอบเล่นตุ๊กตา, ชอบขลุกอยู่กับสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับชีวิตตัวเอง หรือชีวิต "ว่าที่แฟน" เท่าไหร่ ซึ่งคนที่เป็นเด็กทางสมองแบบนี้นะ อาจมีอายุมากพอประ- มาณแล้วก็ได้ แต่ชอบทำตัวเป็นเด็กอยู่นั่นโดยไม่ยอมรับผิดชอบอะไร โถ...หนุ่มแบบนี้ สาวน้อยคนนักที่จะสนน่ะสิยะ เออ ถ้าเผื่อคบไว้เป็นเพื่อนเพื่อชวนกันไปเที่ยวไหนต่อไหนล่ะก็ได้ เพราะเค้าจะทำให้คุณสนุกไปด้วยได้แน่ แต่หากให้คบแบบแฟนเลย คงต้องคิดหลายตลบแหงๆตรงข้ามกะหนุ่มที่อายุน้อยแต่ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ มีความสุขุมรอบคอบ มีความคิดความอ่านที่ล้ำลึก มีวิสัยทัศน์ก้าวไกล ถ้าเป็นงี้ รับรองสามารถทำให้หล่อนอบอุ่นหัวใจได้แน่ หยั่งงี้แหละสเปกจ้า
2. ยังแบมือขอตังค์พ่อแม่ของเค้าอยู่เลย
ซึ่งแม้เค้าจะมีอายุถึงเกณฑ์ที่ทำงานทำการได้แล้ว แต่เรื่องไรจะหาเหาใส่หัว หาเรื่องใส่ตัวออกไปทำงานเพื่อรับผิดชอบตัวเองล่ะ หนุ่มแบบนี้คงคิดมั้งว่า อยากให้พ่อแม่เลี้ยงไปเรื่อยๆ ซึ่งถ้าเผื่อบ้านเป็นไฮโซมีฐานะการงานการเงินที่ดีก็แล้วไป แต่ถ้าที่บ้านมีฐานะงั้นๆ เข้าขั้นปานกลางซะด้วยซ้ำ แล้วยังไม่รู้จักไปหางานหาการทำอีกละก็ เฮ่อ คงไม่ใช่คุณสมบัติของหนุ่มที่สาวๆส่วนใหญ่มองหาร้อก อ้ออีกอย่าง แต่ถ้าบ้านเค้ามีฐานะจริง แล้วยังแบมือขอตังค์บุพการีใช้นี่ ก็ใช่ว่าพ่อแม่เค้าจะชอบนะ บางทีจึงให้บ้างไม่ให้บ้าง แล้วหนุ่มแบบนี้จะเป็นหลักให้กับแฟนได้ไงฟะ
3. รู้จักกาลเทศะซะที่ไหนล่ะ
ตอนเป็นเด็กๆ ความใสซื่อทำให้ไม่รู้หรอกว่า คำว่ากาลเทศะแปลว่าอะไร? ดังนั้น ถ้าจะพูดแทรกพูดแซงผู้หลักผู้ใหญ่บ้าง ท่านก็มักให้อภัยอยู่เรื่อย แต่ถ้า "โตเป็นควาย" แล้วยังทำตลกหรือยังทำไม่รู้ไม่ชี้, ไม่รู้ว่าอะไรควรและอะไรไม่ควรละก็ ถ้าเค้าเป็นแค่เพื่อน สาวๆคงเห็นว่าน่ารักน่าชังไปอย่าง แต่ถ้าให้คว้ามาเป็นแฟนคงต้องเบรกไว้ก่อนละมั้ง เพราะขืนให้เข้าประชุมด้วยละก็ เค้าคงทำให้สมาธิในที่ประชุมแตกกระเจิงแน่ๆ อ่ะก็ผู้ใหญ่แต่ใจเด็กอย่างเค้าน่ะ คิดแบบผู้ใหญ่ทั่วไปเป็นที่ไหนล่ะ เออแทนที่จะรู้กาลเทศะว่า สถานการณ์แบบนี้ควรพูดอะไรหรือเสนอความเห็นแบบไหน แต่ไม่หรอก เพราะสมองมันตื้อ อีกอย่างการโผล่เข้าไปในสถานการณ์พูดคุยอย่างเป็นทางการแบบนั้น ไม่รู้ว่าเค้าได้รับเชิญรึเปล่าด้วยสิ ดีไม่ดีก็เชิญตัวเองเข้าไปป่วนคนอื่นซะงั้น แล้วน่าเหยียบหรือน่ารักกันล่ะคิดดูดิ่
4. ไม่รู้จักหรอกว่าคำมั่นสัญญาแปลว่าอะไร?
เพราะเป็นคนไม่คิดอะไรไกล และไม่คิดการใหญ่ ดังนั้น เวลาเค้าเอ่ยปากคุยโวว่าจะพาสาวไปเที่ยวที่นู่นที่นี่ หรือชวนไปดินเนอร์วันนั้นวันนี้ แต่พอถึงเวลาที่นัดกันไว้ เค้าก็หายจ้อย หายหัวไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ทำให้สาวคอยค้างเติ่ง, รอเก้อ และฝันสลายเพราะเค้าไม่มา จนอกกลัดหนองไปเลยน่ะซี ผู้ชายหยั่งงี้น่ะ รู้จักคำว่าสัญญาต้องเป็นสัญญาที่ไหนกัน เพราะเค้ากระเดียดไปในทางเป็นคนเลื่อนลอย โลเลและจำสิ่งที่ตัวเองคุยโวโอ้อวดไม่เคยได้สักที หลายครั้งจึงเข้าตำราพูดได้แต่ทำไม่ได้ แล้วสาวไหนจะฝากชีวิตไว้กะเค้ากันวะเนี่ยดังนั้น เมื่อสาวๆไม่ค่อยให้น้ำหนักกับการมีหนุ่มสมองเด็กเป็นแฟนเท่าไหร่ เหตุนี้ฝ่ายชายจึงควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่บอกให้ใครๆรู้ว่า เค้าโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความคิดความอ่านแล้วนะ ด้วยการ * ลด ละ เลิกพฤติกาม เอ๊ย พฤติกรรมความเป็นหนุ่มเจ้าสำราญได้แย้วสมัยก่อนเค้าอาจเป็นนักท่องราตรีตัวยง ชนิดไม่เคยอยู่ติดบ้านในค่ำคืนวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ แต่ปัจจุบันกลับตรงกันข้ามแฮะ เค้าเริ่มลดการไปเที่ยว ไปดื่มเหล้า หรือไปสังสรรค์ตามผับ เธค หรือบาร์, ไนต์คลับซะแล้ว แถมกลับมุ่งมั่นทำงานทำการเพื่อสร้างฐานะให้เป็นปึกแผ่นมากฝ่า
* เริ่มเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ
ถ้ามีสมองหรือใจเป็นเด็กละก็ คงรอเป็นผู้รับอย่างเดียวแหงแก๋ แต่ถ้าโตเป็นผู้ใหญ่ละก็ ควรเรียนรู้ที่จะเป็นผู้ให้มั่งแล้วล่ะ ซึ่ง "การให้" ในที่นี้ ไม่ใช่ทำตัวเป็นอาเสี่ยเลี้ยงต้อยนะยะ ทว่าหมายถึงรู้จักให้ความรักและมีน้ำใจกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันน่ะซี หากการเปลี่ยนไปของหนุ่มๆเป็นไปในทางที่ดีขึ้นอย่างนี้ สาวๆก็มีแนวโน้มที่จะชอบหนุ่มที่เพียบพร้อมไปด้วยความเป็นผู้ใหญ่แน่นอนที่ซู้ด.
หล่อนก็จะรักหัวปักหัวปําขึ้นมาเชียว ซึ่งบางครั้งก็มีเหตุผลที่ไปรักเค้าหรอกนะ แต่ บางรายก็ทำให้เพื่อนใกล้ชิดส่ายหน้าว่าไปรักไอ้ตูบนั่น (แฟนของหล่อนที่เพื่อนลงมติไม่เห็นด้วย) ได้ไงฟะแต่ในเมื่อหล่อนจะรักซะอย่าง แล้วใครกล้าไปขัดใจเพื่อนได้ล่ะ ก็ชีวิตมันเป็นของหล่อนนี่นา ในทางตรงข้าม ถ้าเมื่อไหร่หล่อนไม่ชอบหน้า หรือไม่สบ อารมณ์ใครสักคนขึ้นมา ก็ยากเหมือนกันนะที่เธอจะให้ความเลิฟกะเค้าง่ายๆ ใครบอกล่ะว่าสาวๆใจง่ายเสมอไป...ถ้าคิดผิดก็คิดใหม่ได้นะฮ้า เท่าที่สังเกตความปรารถนาของผู้หญิงหากคิดจะมีแฟนสักคน (หรือมีกิ๊กอีก 4-5 คน...ฮะๆๆ พูดเล่นน่า แต่ถ้าริจะทำจริงก็ตัวใครตัวมันละกันเฟ้ย) ส่วนใหญ่คนที่หล่อนเลือกมักมีคุณสมบัติราวๆนี้ คือ มีความเป็นผู้ใหญ่กว่า, ใจดี, มีตังค์, ไม่มักมากในกาม ซึ่งแปลว่าไม่เจ้าชู้นั่นเอง ดังนั้น สาวๆส่วนมากจึงไม่ค่อยชอบคบ "เด็ก" เป็นแฟนเท่าไหร่นักหรอก
แต่ก่อนอื่นขออธิบายคำว่า "เด็ก" ในที่นี้ก่อน ว่ามีบุคลิกแบบนี้นะ ได้แก่...
1. คนที่มีความคิดเป็นเด็ก จริงๆ และมีพฤติกรรมแบบเด็กอย่างเด่นชัด
แบบว่า ยังชอบที่จะเล่นเกม, ชอบเล่นตุ๊กตา, ชอบขลุกอยู่กับสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับชีวิตตัวเอง หรือชีวิต "ว่าที่แฟน" เท่าไหร่ ซึ่งคนที่เป็นเด็กทางสมองแบบนี้นะ อาจมีอายุมากพอประ- มาณแล้วก็ได้ แต่ชอบทำตัวเป็นเด็กอยู่นั่นโดยไม่ยอมรับผิดชอบอะไร โถ...หนุ่มแบบนี้ สาวน้อยคนนักที่จะสนน่ะสิยะ เออ ถ้าเผื่อคบไว้เป็นเพื่อนเพื่อชวนกันไปเที่ยวไหนต่อไหนล่ะก็ได้ เพราะเค้าจะทำให้คุณสนุกไปด้วยได้แน่ แต่หากให้คบแบบแฟนเลย คงต้องคิดหลายตลบแหงๆตรงข้ามกะหนุ่มที่อายุน้อยแต่ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ มีความสุขุมรอบคอบ มีความคิดความอ่านที่ล้ำลึก มีวิสัยทัศน์ก้าวไกล ถ้าเป็นงี้ รับรองสามารถทำให้หล่อนอบอุ่นหัวใจได้แน่ หยั่งงี้แหละสเปกจ้า
2. ยังแบมือขอตังค์พ่อแม่ของเค้าอยู่เลย
ซึ่งแม้เค้าจะมีอายุถึงเกณฑ์ที่ทำงานทำการได้แล้ว แต่เรื่องไรจะหาเหาใส่หัว หาเรื่องใส่ตัวออกไปทำงานเพื่อรับผิดชอบตัวเองล่ะ หนุ่มแบบนี้คงคิดมั้งว่า อยากให้พ่อแม่เลี้ยงไปเรื่อยๆ ซึ่งถ้าเผื่อบ้านเป็นไฮโซมีฐานะการงานการเงินที่ดีก็แล้วไป แต่ถ้าที่บ้านมีฐานะงั้นๆ เข้าขั้นปานกลางซะด้วยซ้ำ แล้วยังไม่รู้จักไปหางานหาการทำอีกละก็ เฮ่อ คงไม่ใช่คุณสมบัติของหนุ่มที่สาวๆส่วนใหญ่มองหาร้อก อ้ออีกอย่าง แต่ถ้าบ้านเค้ามีฐานะจริง แล้วยังแบมือขอตังค์บุพการีใช้นี่ ก็ใช่ว่าพ่อแม่เค้าจะชอบนะ บางทีจึงให้บ้างไม่ให้บ้าง แล้วหนุ่มแบบนี้จะเป็นหลักให้กับแฟนได้ไงฟะ
3. รู้จักกาลเทศะซะที่ไหนล่ะ
ตอนเป็นเด็กๆ ความใสซื่อทำให้ไม่รู้หรอกว่า คำว่ากาลเทศะแปลว่าอะไร? ดังนั้น ถ้าจะพูดแทรกพูดแซงผู้หลักผู้ใหญ่บ้าง ท่านก็มักให้อภัยอยู่เรื่อย แต่ถ้า "โตเป็นควาย" แล้วยังทำตลกหรือยังทำไม่รู้ไม่ชี้, ไม่รู้ว่าอะไรควรและอะไรไม่ควรละก็ ถ้าเค้าเป็นแค่เพื่อน สาวๆคงเห็นว่าน่ารักน่าชังไปอย่าง แต่ถ้าให้คว้ามาเป็นแฟนคงต้องเบรกไว้ก่อนละมั้ง เพราะขืนให้เข้าประชุมด้วยละก็ เค้าคงทำให้สมาธิในที่ประชุมแตกกระเจิงแน่ๆ อ่ะก็ผู้ใหญ่แต่ใจเด็กอย่างเค้าน่ะ คิดแบบผู้ใหญ่ทั่วไปเป็นที่ไหนล่ะ เออแทนที่จะรู้กาลเทศะว่า สถานการณ์แบบนี้ควรพูดอะไรหรือเสนอความเห็นแบบไหน แต่ไม่หรอก เพราะสมองมันตื้อ อีกอย่างการโผล่เข้าไปในสถานการณ์พูดคุยอย่างเป็นทางการแบบนั้น ไม่รู้ว่าเค้าได้รับเชิญรึเปล่าด้วยสิ ดีไม่ดีก็เชิญตัวเองเข้าไปป่วนคนอื่นซะงั้น แล้วน่าเหยียบหรือน่ารักกันล่ะคิดดูดิ่
4. ไม่รู้จักหรอกว่าคำมั่นสัญญาแปลว่าอะไร?
เพราะเป็นคนไม่คิดอะไรไกล และไม่คิดการใหญ่ ดังนั้น เวลาเค้าเอ่ยปากคุยโวว่าจะพาสาวไปเที่ยวที่นู่นที่นี่ หรือชวนไปดินเนอร์วันนั้นวันนี้ แต่พอถึงเวลาที่นัดกันไว้ เค้าก็หายจ้อย หายหัวไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ทำให้สาวคอยค้างเติ่ง, รอเก้อ และฝันสลายเพราะเค้าไม่มา จนอกกลัดหนองไปเลยน่ะซี ผู้ชายหยั่งงี้น่ะ รู้จักคำว่าสัญญาต้องเป็นสัญญาที่ไหนกัน เพราะเค้ากระเดียดไปในทางเป็นคนเลื่อนลอย โลเลและจำสิ่งที่ตัวเองคุยโวโอ้อวดไม่เคยได้สักที หลายครั้งจึงเข้าตำราพูดได้แต่ทำไม่ได้ แล้วสาวไหนจะฝากชีวิตไว้กะเค้ากันวะเนี่ยดังนั้น เมื่อสาวๆไม่ค่อยให้น้ำหนักกับการมีหนุ่มสมองเด็กเป็นแฟนเท่าไหร่ เหตุนี้ฝ่ายชายจึงควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่บอกให้ใครๆรู้ว่า เค้าโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความคิดความอ่านแล้วนะ ด้วยการ * ลด ละ เลิกพฤติกาม เอ๊ย พฤติกรรมความเป็นหนุ่มเจ้าสำราญได้แย้วสมัยก่อนเค้าอาจเป็นนักท่องราตรีตัวยง ชนิดไม่เคยอยู่ติดบ้านในค่ำคืนวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ แต่ปัจจุบันกลับตรงกันข้ามแฮะ เค้าเริ่มลดการไปเที่ยว ไปดื่มเหล้า หรือไปสังสรรค์ตามผับ เธค หรือบาร์, ไนต์คลับซะแล้ว แถมกลับมุ่งมั่นทำงานทำการเพื่อสร้างฐานะให้เป็นปึกแผ่นมากฝ่า
* เริ่มเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ
ถ้ามีสมองหรือใจเป็นเด็กละก็ คงรอเป็นผู้รับอย่างเดียวแหงแก๋ แต่ถ้าโตเป็นผู้ใหญ่ละก็ ควรเรียนรู้ที่จะเป็นผู้ให้มั่งแล้วล่ะ ซึ่ง "การให้" ในที่นี้ ไม่ใช่ทำตัวเป็นอาเสี่ยเลี้ยงต้อยนะยะ ทว่าหมายถึงรู้จักให้ความรักและมีน้ำใจกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันน่ะซี หากการเปลี่ยนไปของหนุ่มๆเป็นไปในทางที่ดีขึ้นอย่างนี้ สาวๆก็มีแนวโน้มที่จะชอบหนุ่มที่เพียบพร้อมไปด้วยความเป็นผู้ใหญ่แน่นอนที่ซู้ด.
ทำไมผู้ชายจึงปิ๊งผู้หญิงภายใน10วินาที
1. ความมั่นใจ
ผู้ชายส่วนใหญ่มักมองหาความมั่นใจในตัวผู้หญิงเป็นอันดับแรก ซึ่งสังเกตได้จากการทักทาย น้ำเสียง และการสบตา หากคุณสามารถพูดคุยได้อย่างเป็นธรรมชาติก็ถือว่าชนะใจเขาไปเกือบครึ่งแล้วละค่ะ
2. ความเพอร์เฟ็กต์
ผู้หญิงที่ดูดีไปซะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า หรือแม้แต่กระทั่งเล็บเท้าที่ถูกแต่งแต้มมาอย่างกิ๊บเก๋ มีสไตล์ มักทำให้ผู้ชายคิดว่า เธอดูเพอร์เฟ็กต์เกินไปหรือดูเชี่ยวเกินไป ซึ่งอาจหมายความรวมไปถึงเจ้าชู้มากเกินไปนั่นเองค่ะ
3. ความเซ็กซี่
แน่นอน ผู้ชายมักชอบมองผู้หญิงที่ความเซ็กซี่อยู่แล้ว แต่ความเซ็กซี่ก็ไม่ได้ตัดสินจากหน้าตาหรือเสื้อผ้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่มันรวมไปถึงกิริยาท่าทาง น้ำเสียง และการใช้สายตาด้วยต่างหากล่ะ ถึงแม้ว่าคุณเกิดมาหน้าตาไม่สะสวยอย่างอั้ม-พัชราภา แต่หากฉลาดที่จะแสดงออก อย่างเช่น แทนที่จะทักทายเฉยๆ ก็ลองสบตาสักครู่ พร้อมกับแย้มริมฝีปากนิดๆ ก็ทำให้คุณ กลายเป็นสาวที่น่าค้นหาได้เลยนะคะ
4. โสดหรือเปล่า
ผู้ชายส่วนใหญ่มักจะแอบสังเกตว่า คนที่ปลื้มอยู่นั้นมีเจ้าของหรือยัง ซึ่งมองได้จาก หากมีชายหน้าตาดีเดินผ่านมา หญิงที่มีแฟนอยู่แล้วมักจะทำได้แค่มองเพียงแวบเดียว แต่ถ้ายังโสดอยู่ละก็ อาจถึงขั้นหันไปทั้งตัวได้เลยนะ
5. นิสัยชอบชิงดีชิงเด่น
ในกรณีที่คุณกำลังดินเนอร์กับชายหนุ่มอยู่นั้น เผอิญมีหญิงไม่ทราบที่มาเดินเข้ามาทักเขาเฉยเลย แถมยังทำมึนไม่เห็นคุณอยู่ในสายตาอีกด้วย ถ้าหากคุณเกิดโวยวายและมองอย่างเกรี้ยวกราดละก็ เขาคงไม่แฮปปี้แน่ๆ แต่ถ้าคุณทำสุขุมและนิ่งเฉย นั่นแหละจะสร้างความประทับใจให้กับเขาอย่างไม่รู้ลืมเลยละ
6. สายตาจ้องจับผิด
เมื่อคุณถูกแนะนำให้รู้จักกับชายหนุ่มคนหนึ่ง อย่า! ใช้สายตาเพื่อสแกนเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าเชียวนะคะ เพราะผู้ชายคงจะไม่ชอบแน่ หากโดนจับจ้องด้วยสายตาแบบนี้
7. ความ Friendly
ผู้ชายส่วนมากมักมองหาความเป็นมิตร ความเรียบง่ายๆ สบายๆ และมีอารมณ์ขันในตัวหญิงสาว เพราะเขาจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดเมื่อต้องออกเดทกับคุณไงล่ะ
8. รูปร่าง
รูปลักษณ์ภายนอกก็เป็นสิ่งสำคัญ ถึงแม้ว่าหุ่นคุณจะไม่เซ็กซี่อย่างน้องแตงโม หรือหน้าตาไม่น่ารักถึงขั้นน้องมด หากแต่มีความมั่นใจในรูปร่างของตัวเองแล้ว บุคลิกที่แสดงออกมาก็จะดูดีไปด้วย แถมยังช่วยสร้างเสน่ห์ให้กับตัวคุณแบบไม่รู้ตัวอีกด้วยนะ
9. จู้จี้ขี้บ่น
ผู้ชายมักจะสังเกตผู้หญิงว่าจู้จี้ขี้บ่นหรือไม่จากการดูว่าคุณชอบขอเปลี่ยนเก้าอี้บ่อยๆ หรือเปล่า หรือชอบเล่าว่าวันนี้เจอปัญหาอะไรมาบ้าง ทั้งๆ ที่มันเป็นแค่เดทแรกระหว่างเขากับคุณ!
10. กำลังต้องการใครสักคน
เวลาที่เจอผู้ชายในเสปคที่ทั้งหล่อ เท่ และรวยสุดๆ หากคุณเผลอแสดงอาการปลื้มจนเวอร์ออกไปแล้ว อาจทำให้เขารู้ว่า คุณน่ะคงจะเพิ่งผ่านการอกหักมาหมาดๆ และกำลังมองหาเสาหลักอันใหม่อยู่แน่ๆ
ผู้ชายส่วนใหญ่มักมองหาความมั่นใจในตัวผู้หญิงเป็นอันดับแรก ซึ่งสังเกตได้จากการทักทาย น้ำเสียง และการสบตา หากคุณสามารถพูดคุยได้อย่างเป็นธรรมชาติก็ถือว่าชนะใจเขาไปเกือบครึ่งแล้วละค่ะ
2. ความเพอร์เฟ็กต์
ผู้หญิงที่ดูดีไปซะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า หรือแม้แต่กระทั่งเล็บเท้าที่ถูกแต่งแต้มมาอย่างกิ๊บเก๋ มีสไตล์ มักทำให้ผู้ชายคิดว่า เธอดูเพอร์เฟ็กต์เกินไปหรือดูเชี่ยวเกินไป ซึ่งอาจหมายความรวมไปถึงเจ้าชู้มากเกินไปนั่นเองค่ะ
3. ความเซ็กซี่
แน่นอน ผู้ชายมักชอบมองผู้หญิงที่ความเซ็กซี่อยู่แล้ว แต่ความเซ็กซี่ก็ไม่ได้ตัดสินจากหน้าตาหรือเสื้อผ้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่มันรวมไปถึงกิริยาท่าทาง น้ำเสียง และการใช้สายตาด้วยต่างหากล่ะ ถึงแม้ว่าคุณเกิดมาหน้าตาไม่สะสวยอย่างอั้ม-พัชราภา แต่หากฉลาดที่จะแสดงออก อย่างเช่น แทนที่จะทักทายเฉยๆ ก็ลองสบตาสักครู่ พร้อมกับแย้มริมฝีปากนิดๆ ก็ทำให้คุณ กลายเป็นสาวที่น่าค้นหาได้เลยนะคะ
4. โสดหรือเปล่า
ผู้ชายส่วนใหญ่มักจะแอบสังเกตว่า คนที่ปลื้มอยู่นั้นมีเจ้าของหรือยัง ซึ่งมองได้จาก หากมีชายหน้าตาดีเดินผ่านมา หญิงที่มีแฟนอยู่แล้วมักจะทำได้แค่มองเพียงแวบเดียว แต่ถ้ายังโสดอยู่ละก็ อาจถึงขั้นหันไปทั้งตัวได้เลยนะ
5. นิสัยชอบชิงดีชิงเด่น
ในกรณีที่คุณกำลังดินเนอร์กับชายหนุ่มอยู่นั้น เผอิญมีหญิงไม่ทราบที่มาเดินเข้ามาทักเขาเฉยเลย แถมยังทำมึนไม่เห็นคุณอยู่ในสายตาอีกด้วย ถ้าหากคุณเกิดโวยวายและมองอย่างเกรี้ยวกราดละก็ เขาคงไม่แฮปปี้แน่ๆ แต่ถ้าคุณทำสุขุมและนิ่งเฉย นั่นแหละจะสร้างความประทับใจให้กับเขาอย่างไม่รู้ลืมเลยละ
6. สายตาจ้องจับผิด
เมื่อคุณถูกแนะนำให้รู้จักกับชายหนุ่มคนหนึ่ง อย่า! ใช้สายตาเพื่อสแกนเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าเชียวนะคะ เพราะผู้ชายคงจะไม่ชอบแน่ หากโดนจับจ้องด้วยสายตาแบบนี้
7. ความ Friendly
ผู้ชายส่วนมากมักมองหาความเป็นมิตร ความเรียบง่ายๆ สบายๆ และมีอารมณ์ขันในตัวหญิงสาว เพราะเขาจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดเมื่อต้องออกเดทกับคุณไงล่ะ
8. รูปร่าง
รูปลักษณ์ภายนอกก็เป็นสิ่งสำคัญ ถึงแม้ว่าหุ่นคุณจะไม่เซ็กซี่อย่างน้องแตงโม หรือหน้าตาไม่น่ารักถึงขั้นน้องมด หากแต่มีความมั่นใจในรูปร่างของตัวเองแล้ว บุคลิกที่แสดงออกมาก็จะดูดีไปด้วย แถมยังช่วยสร้างเสน่ห์ให้กับตัวคุณแบบไม่รู้ตัวอีกด้วยนะ
9. จู้จี้ขี้บ่น
ผู้ชายมักจะสังเกตผู้หญิงว่าจู้จี้ขี้บ่นหรือไม่จากการดูว่าคุณชอบขอเปลี่ยนเก้าอี้บ่อยๆ หรือเปล่า หรือชอบเล่าว่าวันนี้เจอปัญหาอะไรมาบ้าง ทั้งๆ ที่มันเป็นแค่เดทแรกระหว่างเขากับคุณ!
10. กำลังต้องการใครสักคน
เวลาที่เจอผู้ชายในเสปคที่ทั้งหล่อ เท่ และรวยสุดๆ หากคุณเผลอแสดงอาการปลื้มจนเวอร์ออกไปแล้ว อาจทำให้เขารู้ว่า คุณน่ะคงจะเพิ่งผ่านการอกหักมาหมาดๆ และกำลังมองหาเสาหลักอันใหม่อยู่แน่ๆ
ทำไม 1 โหลต้องมี 12 ชิ้น
จำนวน 12 ในหนึ่งโหลของไทยนั้นสัมพันธ์กับระบบนับจำนวนของต่างชาติซึ่งมีคำว่า dozen (โดซเซ่น) หมายถึง 12 เช่นเดียวกัน
ย้อนกลับไปหาที่มาคำว่า dozen ถือกำเนิดจากชาวสุเมเรียนในเมโสโปเตเมียซึ่งเชื่อกันว่าเป็นชนชาติแรกที่สร้างสัญลักษณ์การนับตัวเลขในชีวิตประจำวันด้วยการเปล่งเสียงเรียก
ต่อมาในช่วง 3,100 ปี ก่อนคริสตกาล ......ชาวสุเมเรียนเขียนจำนวนตัวเลขเป็นรูปลิ่ม และสร้างระบบจำนวนขึ้นมาจากฐาน 60 ซึ่งง่ายต่อการหารด้วยจำนวนต่างๆ แบ่งเป็นแฟ็กเตอร์ (ส่วนที่คูณกันขึ้นเป็นจำนวน) ได้แก่ 2, 3, 4, 5, 6, 10, 12, 15, 20, และ 30
คำว่า dozen มีความหมายมาจาก "5 ส่วนของ 60" (12 คูณ 5 เท่ากับ 60) ภาษาละตินหมายถึง 12 ขณะที่ชาวโรมันถือว่าเลข 12 เป็นเลขศักดิ์สิทธิ์ จึงนำมาสร้างระบบการนับปี แบ่งให้มี 12 เดือน ส่วนพ่อค้าแม่ขายในในสมัยโบราณก็นิยมใช้ 12 ขายของ เพราะสะดวกและแยกส่วนได้ง่ายกว่าเลข 10 และใช้เรื่อยมาจนทุกวันนี้
นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าว่า ในช่วงยุคกลางของอังกฤษพ่อค้าขนมปังจะต้องถูกลงโทษหนัก หากตัดขายขนมปังในน้ำหนักที่ต่ำกว่าความเป็นจริง ขณะที่พ่อค้าขนมปังในยุคนั้นก็ไม่ได้มีความรู้นับจำนวนอะไร กลัวจะพลาดระหว่าง 11 ก้อนกับ 12 ก้อนจึงหันไปใช้วิธีกันเหนียว คือตัดขนมปัง 13 ก้อนเวลาที่จะขายขนมปังหนึ่งโหล กรณีนี้หนึ่งโหลเลยมี 13 ชิ้น ซึ่งไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก
ส่วนนักจิตวิทยาบางคนเคยทดสอบความแตกต่างระหว่างคนที่ชอบเลข 12 มากกว่าเลข 10 ว่าเป็นคนที่ยืดหยุ่นและอ่อนโยนกว่า อันนี้ก็ฟังไว้เล่นๆ ได้
ข้อมูลจากเว็บไซต์วิกิพีเดีย ระบุว่า โหลมาจากภาษาอังกฤษว่า Dozen รากศัพท์ภาษาละตินว่า duodecim เชื่อว่าเป็นการนับเลขรวมกลุ่มแบบแรกๆ เพราะตัวเลข 12 มาจากฐานการนับรอบดวงจันทร์โคจรรอบดวงอาทิตย์ รู้จักว่าเป็นระบบจำนวนฐานสิบสอง หรือทวาทิศนิยม (duodecimal system) 12 โหลเรียกว่า 1 กุรุส (a gross) การนับโหลสะดวกสบายเพราะตัวคูณและพหุคูณคิดได้ง่าย เช่น 12 เท่ากับ 3 X 2 X 2 หรือ 360 เท่ากับ 20 X 3
ย้อนกลับไปหาที่มาคำว่า dozen ถือกำเนิดจากชาวสุเมเรียนในเมโสโปเตเมียซึ่งเชื่อกันว่าเป็นชนชาติแรกที่สร้างสัญลักษณ์การนับตัวเลขในชีวิตประจำวันด้วยการเปล่งเสียงเรียก
ต่อมาในช่วง 3,100 ปี ก่อนคริสตกาล ......ชาวสุเมเรียนเขียนจำนวนตัวเลขเป็นรูปลิ่ม และสร้างระบบจำนวนขึ้นมาจากฐาน 60 ซึ่งง่ายต่อการหารด้วยจำนวนต่างๆ แบ่งเป็นแฟ็กเตอร์ (ส่วนที่คูณกันขึ้นเป็นจำนวน) ได้แก่ 2, 3, 4, 5, 6, 10, 12, 15, 20, และ 30
คำว่า dozen มีความหมายมาจาก "5 ส่วนของ 60" (12 คูณ 5 เท่ากับ 60) ภาษาละตินหมายถึง 12 ขณะที่ชาวโรมันถือว่าเลข 12 เป็นเลขศักดิ์สิทธิ์ จึงนำมาสร้างระบบการนับปี แบ่งให้มี 12 เดือน ส่วนพ่อค้าแม่ขายในในสมัยโบราณก็นิยมใช้ 12 ขายของ เพราะสะดวกและแยกส่วนได้ง่ายกว่าเลข 10 และใช้เรื่อยมาจนทุกวันนี้
นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าว่า ในช่วงยุคกลางของอังกฤษพ่อค้าขนมปังจะต้องถูกลงโทษหนัก หากตัดขายขนมปังในน้ำหนักที่ต่ำกว่าความเป็นจริง ขณะที่พ่อค้าขนมปังในยุคนั้นก็ไม่ได้มีความรู้นับจำนวนอะไร กลัวจะพลาดระหว่าง 11 ก้อนกับ 12 ก้อนจึงหันไปใช้วิธีกันเหนียว คือตัดขนมปัง 13 ก้อนเวลาที่จะขายขนมปังหนึ่งโหล กรณีนี้หนึ่งโหลเลยมี 13 ชิ้น ซึ่งไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก
ส่วนนักจิตวิทยาบางคนเคยทดสอบความแตกต่างระหว่างคนที่ชอบเลข 12 มากกว่าเลข 10 ว่าเป็นคนที่ยืดหยุ่นและอ่อนโยนกว่า อันนี้ก็ฟังไว้เล่นๆ ได้
ข้อมูลจากเว็บไซต์วิกิพีเดีย ระบุว่า โหลมาจากภาษาอังกฤษว่า Dozen รากศัพท์ภาษาละตินว่า duodecim เชื่อว่าเป็นการนับเลขรวมกลุ่มแบบแรกๆ เพราะตัวเลข 12 มาจากฐานการนับรอบดวงจันทร์โคจรรอบดวงอาทิตย์ รู้จักว่าเป็นระบบจำนวนฐานสิบสอง หรือทวาทิศนิยม (duodecimal system) 12 โหลเรียกว่า 1 กุรุส (a gross) การนับโหลสะดวกสบายเพราะตัวคูณและพหุคูณคิดได้ง่าย เช่น 12 เท่ากับ 3 X 2 X 2 หรือ 360 เท่ากับ 20 X 3
วิธีการกำจัดขน
เปื้อนยา กำลังกินยาแล้วทำยาหกรดเสื้อ ให้ใช้น้ำเย็น ๆ ล้างออก จากนั้นซักผ้าตามปกติ
เปื้อนเบียร์ กำลังซดเบียร์หรือกำลังรินเบียร์ให้สุดที่รัก แต่เบียร์เจ้ากรรมดันหดรดเสื้อผ้า ให้คุณรีบใช้ผ้าชื้นถูออกโดยเร็วหรือใช้น้ำล้างออก จากนั้นซักผ้าตากปกติ
เปื้อนเลือด เนื่องจากเลือดมีโปรตีน จึงไม่ควรใช้น้ำร้อนเช็ดล้าง ควรใช้น้ำเย็นและสบู่ล้างออก หากเป็นผ้าไหม ให้ใช้แอลกอฮอล์ค่อย ๆ เช็ดอย่างระวัง เปื้อนน้ำดำ ให้ใช้ผ้านุ่มกับน้ำสบู่เช็ดถูออกหรือใช้ผ้าชื้นเช็ด จากนั้นซักผ้าตามปกติ
เปื้อนน้ำยาดับกลิ่นตัว สาวๆ หนุ่มๆ มักมีปัญหากับการที่น้ำยาดับกลิ่นตัวเปื้อนติดเสื้อผ้า โดยเฉพาะรักแร้ วิธีแก้ไขก็คือ ให้ใช้น้ำส้มสายชูเจือจางล้างบริเวณที่เปื้อนออกโดยใช้มือ จากนั้นซักผ้าได้ตามปกติ
เปื้อนเบียร์ กำลังซดเบียร์หรือกำลังรินเบียร์ให้สุดที่รัก แต่เบียร์เจ้ากรรมดันหดรดเสื้อผ้า ให้คุณรีบใช้ผ้าชื้นถูออกโดยเร็วหรือใช้น้ำล้างออก จากนั้นซักผ้าตากปกติ
เปื้อนเลือด เนื่องจากเลือดมีโปรตีน จึงไม่ควรใช้น้ำร้อนเช็ดล้าง ควรใช้น้ำเย็นและสบู่ล้างออก หากเป็นผ้าไหม ให้ใช้แอลกอฮอล์ค่อย ๆ เช็ดอย่างระวัง เปื้อนน้ำดำ ให้ใช้ผ้านุ่มกับน้ำสบู่เช็ดถูออกหรือใช้ผ้าชื้นเช็ด จากนั้นซักผ้าตามปกติ
เปื้อนน้ำยาดับกลิ่นตัว สาวๆ หนุ่มๆ มักมีปัญหากับการที่น้ำยาดับกลิ่นตัวเปื้อนติดเสื้อผ้า โดยเฉพาะรักแร้ วิธีแก้ไขก็คือ ให้ใช้น้ำส้มสายชูเจือจางล้างบริเวณที่เปื้อนออกโดยใช้มือ จากนั้นซักผ้าได้ตามปกติ
พระเอกสองเพศแอ๊บแมน หลอก นางเอกหน้าฝรั่ง
รักแท้ยังไง...ตับ ไต ไส้ ตูด
ร้องเพลงนี้ทีไรบรรดาชาวสีม่วงจะต้องเปรี้ยวปากไปตามกันแน่ๆ ก็แหม เนื้อเพลงมันช่างแสบสัน สั่นระริก กันเลยทีเดียว พูดเรื่องนี้ทีไรแล้วเสียวแปล๊บถึงขั้วหัวใจทุกทีให้ตายเถอะ ก็ถ้าพูดถึงเรื่อง ชาวสีม่วง ทีไรก็ต้องอดไม่ได้ที่จะพูดถึงพระเอกในวงการที่ชอบเป็น อีแอบ แอ๊บแมน กันให้เกลื่อน บางรายหน้าตาเถื่อนยิ่งกว่า ส้งตีน ยังกล้าที่จะมาเป็นตุ๊ดเป็นแต๋วอีก แต่อย่างว่าโตมาจนอายุป่านนี้แล้ว จะให้ฉีดยาวัคซีนป้องกัน ไข้หวัดเกย์ คงจะไม่ทันซะแล้ว
เหมือนพ่อหนุ่มหน้าหล่อ พระเอกหน้าหยก สาวๆ หลายคนหลงใหลคลั่งไคล้สุดๆ ก็จะไม่ให้หลงใหลได้อย่างไรล่ะ ก็หนุ่มคนนี้หน้าตาหล่อเหลาเอาการมากๆ จะไม่ให้หล่อได้ยังไงก็หมอนี่มันอุตส่าห์ลงทุนไป อัพจมูก มาใหม่เอี่ยมกับหมอที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศเลย หลังจากที่จมูกโด่ง เด่นเป็นสง่าขึ้นมาก็ทำให้มีงานเข้ามาอื้อซ่า จนได้เป็น พระเอกแถวหน้าของเมืองไทย แต่ด้วย ความเป็นตุ๊ดแต๋ว ของฮี ละครที่ได้ก็เลยมีแต่บทคนปัญญาอ่อนเข้ามาเพียบ ไม่ใช่ว่าต้องไปแสดงเป็นคนปัญญาอ่อน ‘ด็อกเตอร์เห็ด’ หมายถึงบทบาทที่ได้รับเป็นพ่อแง่แม่งอนตามเรื่องละครไทยนั่นแหละ ซึ่งไม่ได้โชว์ความสามารถอะไรนัก ถ้าจะให้ดี ลองให้ พระเอกหน้าหยก คนนี้แต่งหญิงแล้วแสดงเป็นสาวพราวเสน่ห์ ดูซิ รับรองตีบทแตกแน่ๆ
‘ด็อกเตอร์เห็ด’ ขอย้อนวัยสมัยที่ พระเอกหน้าหยก คนนี้เป็นนักเรียนหัวโปก ใส่กางเกงขาสั้นสีน้ำตาล อยู่รั้วโรงเรียนที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศ แต่ฮีดัน ทำตัวต่ำย่ำแย่ จะไม่ให้แฉได้อย่างไรเพราะว่า พระเอกหน้าหยก คนนี้ ฮีดันทำตัวเป็น หัวหน้าแก๊งกะเทยแสบ ของโรงเรียน เรียกง่ายๆ ว่า แก๊ง 7 นางฟ้าล่าผู้ชาย ที่สืบทอดมาหลายรุ่นแล้ว เสน่ห์ความ เร่าร้อน ซ่อนเงื่อนของฮี ยังคงแพรวพราวเหมือนเดิม เพื่อนร่วมรุ่นเขารู้กันดีว่าไอ้หมอนี่มันติดเชื้อ อาการตุ๊ดแตก เข้าเส้นเลือดขนาดไหน
แต่พอเข้าวงการบันเทิงก็ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดูดี เก็บอาการ แอ๊บแมน ไว้ภายในหัวใจลึกๆ อยากจะแต่งตัวเป็นหญิงจะตาย แต่ด้วยภาพลักษณ์ พระเอกค้ำคอ ฮีเลยต้อง ทำตัวแมนๆ ตามน้ำไปเรื่อยๆ ความดันมาแตกตอนที่ พระเอกหน้าหยก ปล่อยข่าวกิ๊ก นางเอกหน้าแขก บิ๋มไวไฟ ที่กิ๊กกับหนุ่มคนไหนมักจะกระจายข่าวให้นักข่าวได้รู้ เรียกว่าชีโปรโมทข่าวฉาวให้ตัวเองได้เป็นอย่างดีเยี่ยม แล้ว พระเอกหน้าหยก ก็เจอกระแสด้วยการบอกนักข่าวว่ากำลังสนิทสนทกลมเกลียวกับ นางเอกหน้าแขก คนนี้ ชนิดที่เรียกว่ากำลังคบหาดูใจกันเลยทีเดียว เปรี้ยวไหมล่ะ ‘ด็อกเตอร์เห็ด’ ไม่อยากจะเซสว่ามีนางเอกอีกหลายคนที่ โดนหางเลข ตกกระไดพลอยโจน โดนเกาะเป็น ปลิงอมกาวตราช้าง หลายต่อหลายคน และอีกหนึ่งสาวที่ต้องกุมขมับเมื่อต้องมาเป็นข่าวด้วย ก็คือ นางเอกหน้าฝรั่ง พูดไม่ชัด เล่นละครกี่เรื่องก็ยังพูดไทยไม่ชัดซะที นางเอกรุ่นพี่สังกัดเดียวกับ นางเอกหน้าแขก นั่นแหละ
อยู่ดีๆ พระเอกหน้าหยก ก็ง้างปากตัวเองว่ากำลังจีบ นางเอกหน้าฝรั่ง คนนี้อยู่ พูดอย่างหน้าตาเฉย เล่นเอานักข่าวตกใจกันไปเลยว่ากล้าพูดอย่างนี้ด้วยหรือ ด้าน นางเอกหน้าฝรั่ง ก็โง่สุดๆ เหมือนกัน ดูไม่รู้หรือไงว่าไอ้หมอนี่มันเป็น ไส้เดือนสองเพศ มีดาราร่วมสังกัดเตือนไปหลายต่อหลายครั้งแล้วไม่รู้จักฟัง สุดท้ายก็ได้เป็นแฟน เสพสมกับ ไส้เดือน เป็นยังไงล่ะ สมน้ำหน้าเตือนหลายรอบแล้วไม่ฟัง ความลับแตกตอนที่นอนอยู่บนเตียงเดียวกันดันหันหลังชนกัน พระเอกหน้าหยก ไม่ยอม ขึ้นขี่ น้องชะนีนางเอกเลย มัวแต่ นอนดิ้นกระเส่า ไป-มา รู้สึกในใจลึกๆ ว่าข้าอยากออกจากห้องไป บี้ผู้ชาย แล้ว ทนไม่ได้กับ ความหงี่ ที่อัดแน่นซะเหลือเกิน
เวลาผ่านไปไม่กี่เดือน พระเอกหน้าหยก ก็ทน แอ๊บ ต่อไปไม่ไหว ประกาศเลิกเด็ดขาดกับ นางเอกหน้าฝรั่ง พอสลัดเลิกนางเอกแล้ว ฮีก็ขอกลับไปคืนชีพเข้า สังเวียนสีม่วง เหมือนเดิม ประเดิมเที่ยวด้วยการไป เริงร่า กับเพื่อนแต๋วที่ผับผู้ชายย่านสีลมทันที ด้วยการแดนซ์ ส่ายตูดสะบัด ยั่วผู้ชายสุดฤทธิ์ ‘ด็อกเตอร์เห็ด’ บอกแล้วว่าเกิดเป็นเกย์ ยังไงมันก็ต้องเป็นเกย์อยู่วันยันค่ำ แฟนคลับคนไหนที่ยังชื่นชอบ ผู้ชายหัวใจแต๋ว คนนี้อยู่ มีหวังคงจะต้องเอา ผ้าถุงคลุมหัว ซะแล้ว เพราะเจอหลอกตลบตากันทั้งวงการ
ร้องเพลงนี้ทีไรบรรดาชาวสีม่วงจะต้องเปรี้ยวปากไปตามกันแน่ๆ ก็แหม เนื้อเพลงมันช่างแสบสัน สั่นระริก กันเลยทีเดียว พูดเรื่องนี้ทีไรแล้วเสียวแปล๊บถึงขั้วหัวใจทุกทีให้ตายเถอะ ก็ถ้าพูดถึงเรื่อง ชาวสีม่วง ทีไรก็ต้องอดไม่ได้ที่จะพูดถึงพระเอกในวงการที่ชอบเป็น อีแอบ แอ๊บแมน กันให้เกลื่อน บางรายหน้าตาเถื่อนยิ่งกว่า ส้งตีน ยังกล้าที่จะมาเป็นตุ๊ดเป็นแต๋วอีก แต่อย่างว่าโตมาจนอายุป่านนี้แล้ว จะให้ฉีดยาวัคซีนป้องกัน ไข้หวัดเกย์ คงจะไม่ทันซะแล้ว
เหมือนพ่อหนุ่มหน้าหล่อ พระเอกหน้าหยก สาวๆ หลายคนหลงใหลคลั่งไคล้สุดๆ ก็จะไม่ให้หลงใหลได้อย่างไรล่ะ ก็หนุ่มคนนี้หน้าตาหล่อเหลาเอาการมากๆ จะไม่ให้หล่อได้ยังไงก็หมอนี่มันอุตส่าห์ลงทุนไป อัพจมูก มาใหม่เอี่ยมกับหมอที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศเลย หลังจากที่จมูกโด่ง เด่นเป็นสง่าขึ้นมาก็ทำให้มีงานเข้ามาอื้อซ่า จนได้เป็น พระเอกแถวหน้าของเมืองไทย แต่ด้วย ความเป็นตุ๊ดแต๋ว ของฮี ละครที่ได้ก็เลยมีแต่บทคนปัญญาอ่อนเข้ามาเพียบ ไม่ใช่ว่าต้องไปแสดงเป็นคนปัญญาอ่อน ‘ด็อกเตอร์เห็ด’ หมายถึงบทบาทที่ได้รับเป็นพ่อแง่แม่งอนตามเรื่องละครไทยนั่นแหละ ซึ่งไม่ได้โชว์ความสามารถอะไรนัก ถ้าจะให้ดี ลองให้ พระเอกหน้าหยก คนนี้แต่งหญิงแล้วแสดงเป็นสาวพราวเสน่ห์ ดูซิ รับรองตีบทแตกแน่ๆ
‘ด็อกเตอร์เห็ด’ ขอย้อนวัยสมัยที่ พระเอกหน้าหยก คนนี้เป็นนักเรียนหัวโปก ใส่กางเกงขาสั้นสีน้ำตาล อยู่รั้วโรงเรียนที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศ แต่ฮีดัน ทำตัวต่ำย่ำแย่ จะไม่ให้แฉได้อย่างไรเพราะว่า พระเอกหน้าหยก คนนี้ ฮีดันทำตัวเป็น หัวหน้าแก๊งกะเทยแสบ ของโรงเรียน เรียกง่ายๆ ว่า แก๊ง 7 นางฟ้าล่าผู้ชาย ที่สืบทอดมาหลายรุ่นแล้ว เสน่ห์ความ เร่าร้อน ซ่อนเงื่อนของฮี ยังคงแพรวพราวเหมือนเดิม เพื่อนร่วมรุ่นเขารู้กันดีว่าไอ้หมอนี่มันติดเชื้อ อาการตุ๊ดแตก เข้าเส้นเลือดขนาดไหน
แต่พอเข้าวงการบันเทิงก็ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดูดี เก็บอาการ แอ๊บแมน ไว้ภายในหัวใจลึกๆ อยากจะแต่งตัวเป็นหญิงจะตาย แต่ด้วยภาพลักษณ์ พระเอกค้ำคอ ฮีเลยต้อง ทำตัวแมนๆ ตามน้ำไปเรื่อยๆ ความดันมาแตกตอนที่ พระเอกหน้าหยก ปล่อยข่าวกิ๊ก นางเอกหน้าแขก บิ๋มไวไฟ ที่กิ๊กกับหนุ่มคนไหนมักจะกระจายข่าวให้นักข่าวได้รู้ เรียกว่าชีโปรโมทข่าวฉาวให้ตัวเองได้เป็นอย่างดีเยี่ยม แล้ว พระเอกหน้าหยก ก็เจอกระแสด้วยการบอกนักข่าวว่ากำลังสนิทสนทกลมเกลียวกับ นางเอกหน้าแขก คนนี้ ชนิดที่เรียกว่ากำลังคบหาดูใจกันเลยทีเดียว เปรี้ยวไหมล่ะ ‘ด็อกเตอร์เห็ด’ ไม่อยากจะเซสว่ามีนางเอกอีกหลายคนที่ โดนหางเลข ตกกระไดพลอยโจน โดนเกาะเป็น ปลิงอมกาวตราช้าง หลายต่อหลายคน และอีกหนึ่งสาวที่ต้องกุมขมับเมื่อต้องมาเป็นข่าวด้วย ก็คือ นางเอกหน้าฝรั่ง พูดไม่ชัด เล่นละครกี่เรื่องก็ยังพูดไทยไม่ชัดซะที นางเอกรุ่นพี่สังกัดเดียวกับ นางเอกหน้าแขก นั่นแหละ
อยู่ดีๆ พระเอกหน้าหยก ก็ง้างปากตัวเองว่ากำลังจีบ นางเอกหน้าฝรั่ง คนนี้อยู่ พูดอย่างหน้าตาเฉย เล่นเอานักข่าวตกใจกันไปเลยว่ากล้าพูดอย่างนี้ด้วยหรือ ด้าน นางเอกหน้าฝรั่ง ก็โง่สุดๆ เหมือนกัน ดูไม่รู้หรือไงว่าไอ้หมอนี่มันเป็น ไส้เดือนสองเพศ มีดาราร่วมสังกัดเตือนไปหลายต่อหลายครั้งแล้วไม่รู้จักฟัง สุดท้ายก็ได้เป็นแฟน เสพสมกับ ไส้เดือน เป็นยังไงล่ะ สมน้ำหน้าเตือนหลายรอบแล้วไม่ฟัง ความลับแตกตอนที่นอนอยู่บนเตียงเดียวกันดันหันหลังชนกัน พระเอกหน้าหยก ไม่ยอม ขึ้นขี่ น้องชะนีนางเอกเลย มัวแต่ นอนดิ้นกระเส่า ไป-มา รู้สึกในใจลึกๆ ว่าข้าอยากออกจากห้องไป บี้ผู้ชาย แล้ว ทนไม่ได้กับ ความหงี่ ที่อัดแน่นซะเหลือเกิน
เวลาผ่านไปไม่กี่เดือน พระเอกหน้าหยก ก็ทน แอ๊บ ต่อไปไม่ไหว ประกาศเลิกเด็ดขาดกับ นางเอกหน้าฝรั่ง พอสลัดเลิกนางเอกแล้ว ฮีก็ขอกลับไปคืนชีพเข้า สังเวียนสีม่วง เหมือนเดิม ประเดิมเที่ยวด้วยการไป เริงร่า กับเพื่อนแต๋วที่ผับผู้ชายย่านสีลมทันที ด้วยการแดนซ์ ส่ายตูดสะบัด ยั่วผู้ชายสุดฤทธิ์ ‘ด็อกเตอร์เห็ด’ บอกแล้วว่าเกิดเป็นเกย์ ยังไงมันก็ต้องเป็นเกย์อยู่วันยันค่ำ แฟนคลับคนไหนที่ยังชื่นชอบ ผู้ชายหัวใจแต๋ว คนนี้อยู่ มีหวังคงจะต้องเอา ผ้าถุงคลุมหัว ซะแล้ว เพราะเจอหลอกตลบตากันทั้งวงการ
ความหมายของคำว่า "เมีย
เมียหลวง
คือ ภรรยาที่เคยดีที่สุดในอดีต แต่กาลเวลาและสิ่งแวดล้อมทำลายความดีของเธอ
จนหมดสิ้นในระยะเวลาอันสั้น และทิ้งความโหดร้ายไว้ให้เธอต้องรับผลกรรม คือ
ความจุกจิก จู้จี้ ขี้บ่น แก่ง่าย ตายยาก พูดมาก กินจุ อ้วนเหมือนหมู ดุเหมือนเสือ
เมียเก็บ
คือ อาหารพิเศษ มีรสชาติแตกต่างจากอาหารธรรมดาทั่วไป เหมาะที่จะกินเป็นครั้ง
เป็นคราว เพื่อแก้เลี่ยน เป็นสินค้ายอดนิยมและมีราคาแพง เงื่อนไขเยอะ
เมียน้อย
คือ ผู้หญิงที่ดีที่สุด ที่ผู้ชายเพิ่งมาค้นพบภายหลัง
เมียแต่ง
คือ ผู้หญิงที่ทรงคุณค่าและคุณผู้ชายอยากจะประทับรอยรักสุดใจขาดดิ้น แต่ไม่
สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่านี้
เมียเช่า
คือ ผู้หญิงผิวคล้ำ ขี้ร้อน ใช้เสื้อผ้าน้อยชิ้น สูบบุหรี่กินเหล้าเป็นงานอดิเรก รสนิยม
สูง นิยมบริโภคของนอก มีปริมาณความรักขึ้นลงตามกระแสเงินสด
เมียจ๋า
คือ ผู้หญิงหน้าดุเหมือนเสือ ยืนชูไม้ต้นรักเหมือนเทพีสันติภาพ และมีสามีนั่งคุก
เข่าอยู่กับพื้น ประสานมือเหนือหน้าอกเหมือนไหว้เจ้า เพราะมีประวัติเพิ่งทำการ
ละเมิดข้อห้ามร้ายแรงของภรรยาบังเกิดเกล้า ลักษณะตัวสั่น น้ำลายไหลเล็กน้อย
พูดตะกุกตะกักว่า 'เมียจ๋า' ซึ่งเป็นคำพูดในความหมาย ขออภัย ไถ่โทษ
เมียกู
คือ ผู้หญิงสวย ขาว หุ่นเพรียวผอม อายุน้อย หน้าตาน่ารัก เพราะยังไม่มีการรวม
ตัวของไขมันและตีนกา พูดจาไพเราะอ่อนหวาน ผู้ชายที่พบเห็นจะเกิดอาการเขื่อน
กั้นน้ำลายพัง ทำให้เอ่อล้นออกมานอกปาก แสดงอาการหึงหวง กีดกันชายอื่นไม่
ให้เข้าใกล้ แสดงความเป็นเจ้าของ ทั้งที่บางครั้งยังไม่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง
เมียบังเกิดเกล้า
คือ ผู้หญิงที่น่าเบื่อที่สุดในโลก ความรู้น้อย บริหารงานไม่เป็น vision เป็นศูนย์
เผด็จการ ชอบใช้อำนาจในทางที่ผิด ข่มขู่ ทำร้ายร่างกาย ใช้คำพูดหยาบคาย
บุคลิกภาพน่ารังเกียจ เป็นที่ชิงชังของเพื่อนบ้านและผู้ชายทั่วไป โดยเฉพาะสามี
จากคุณสมบัติที่น่าสยดสยองดังกล่าว ทำให้สามีเกลียด ขยะแขยง คลื่นไส้จนไม่
อยากพูดด้วย ไม่อยากโต้ตอบ ไม่อยากมีเรื่อง สามีที่มีภรรยาประเภทนี้ จึงใช้คำ
พูดอยู่สองคำ คือ 'ครับ' และ 'ใช่ครับ' และใช้สรรพนามเรียกภรรยาว่า 'แม่' มัก
อธิบายให้เพื่อนฟังว่า เรียกตามลูก แต่เพื่อนๆ ไม่แน่ใจว่าเรียกตามลูกหรือเรียก
ด้วยความเคารพยำเกรง เพื่อสวัสดิภาพของตัวเอง และที่สำคัญ ได้ลบคำว่า 'นอก
ใจ'ออกจากสมองและพจนานุกรมในบ้านเรียบร้อยแล้ว
เพิ่มเติม
ความหมายของคำว่า เมีย (WIFE)
คือ ภรรยาที่เคยดีที่สุดในอดีต แต่กาลเวลาและสิ่งแวดล้อมทำลายความดีของเธอ
จนหมดสิ้นในระยะเวลาอันสั้น และทิ้งความโหดร้ายไว้ให้เธอต้องรับผลกรรม คือ
ความจุกจิก จู้จี้ ขี้บ่น แก่ง่าย ตายยาก พูดมาก กินจุ อ้วนเหมือนหมู ดุเหมือนเสือ
เมียเก็บ
คือ อาหารพิเศษ มีรสชาติแตกต่างจากอาหารธรรมดาทั่วไป เหมาะที่จะกินเป็นครั้ง
เป็นคราว เพื่อแก้เลี่ยน เป็นสินค้ายอดนิยมและมีราคาแพง เงื่อนไขเยอะ
เมียน้อย
คือ ผู้หญิงที่ดีที่สุด ที่ผู้ชายเพิ่งมาค้นพบภายหลัง
เมียแต่ง
คือ ผู้หญิงที่ทรงคุณค่าและคุณผู้ชายอยากจะประทับรอยรักสุดใจขาดดิ้น แต่ไม่
สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่านี้
เมียเช่า
คือ ผู้หญิงผิวคล้ำ ขี้ร้อน ใช้เสื้อผ้าน้อยชิ้น สูบบุหรี่กินเหล้าเป็นงานอดิเรก รสนิยม
สูง นิยมบริโภคของนอก มีปริมาณความรักขึ้นลงตามกระแสเงินสด
เมียจ๋า
คือ ผู้หญิงหน้าดุเหมือนเสือ ยืนชูไม้ต้นรักเหมือนเทพีสันติภาพ และมีสามีนั่งคุก
เข่าอยู่กับพื้น ประสานมือเหนือหน้าอกเหมือนไหว้เจ้า เพราะมีประวัติเพิ่งทำการ
ละเมิดข้อห้ามร้ายแรงของภรรยาบังเกิดเกล้า ลักษณะตัวสั่น น้ำลายไหลเล็กน้อย
พูดตะกุกตะกักว่า 'เมียจ๋า' ซึ่งเป็นคำพูดในความหมาย ขออภัย ไถ่โทษ
เมียกู
คือ ผู้หญิงสวย ขาว หุ่นเพรียวผอม อายุน้อย หน้าตาน่ารัก เพราะยังไม่มีการรวม
ตัวของไขมันและตีนกา พูดจาไพเราะอ่อนหวาน ผู้ชายที่พบเห็นจะเกิดอาการเขื่อน
กั้นน้ำลายพัง ทำให้เอ่อล้นออกมานอกปาก แสดงอาการหึงหวง กีดกันชายอื่นไม่
ให้เข้าใกล้ แสดงความเป็นเจ้าของ ทั้งที่บางครั้งยังไม่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง
เมียบังเกิดเกล้า
คือ ผู้หญิงที่น่าเบื่อที่สุดในโลก ความรู้น้อย บริหารงานไม่เป็น vision เป็นศูนย์
เผด็จการ ชอบใช้อำนาจในทางที่ผิด ข่มขู่ ทำร้ายร่างกาย ใช้คำพูดหยาบคาย
บุคลิกภาพน่ารังเกียจ เป็นที่ชิงชังของเพื่อนบ้านและผู้ชายทั่วไป โดยเฉพาะสามี
จากคุณสมบัติที่น่าสยดสยองดังกล่าว ทำให้สามีเกลียด ขยะแขยง คลื่นไส้จนไม่
อยากพูดด้วย ไม่อยากโต้ตอบ ไม่อยากมีเรื่อง สามีที่มีภรรยาประเภทนี้ จึงใช้คำ
พูดอยู่สองคำ คือ 'ครับ' และ 'ใช่ครับ' และใช้สรรพนามเรียกภรรยาว่า 'แม่' มัก
อธิบายให้เพื่อนฟังว่า เรียกตามลูก แต่เพื่อนๆ ไม่แน่ใจว่าเรียกตามลูกหรือเรียก
ด้วยความเคารพยำเกรง เพื่อสวัสดิภาพของตัวเอง และที่สำคัญ ได้ลบคำว่า 'นอก
ใจ'ออกจากสมองและพจนานุกรมในบ้านเรียบร้อยแล้ว
เพิ่มเติม
ความหมายของคำว่า เมีย (WIFE)
ลาว
ประเทศลาว หรือชื่ออย่างเป็นทางการ คือ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
(ลาว: ສາທາລະນະລັດປະຊາທິປະໄຕປະຊາຊົນລາວ, อักษรย่อ: ສປປລ.; อังกฤษ: Lao People's Democratic Republic)
เป็นประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งไม่มีทางออกสู่ทะเล
มีพื้นที่ 236,800 ตารางกิโลเมตร มีพรมแดนติดจีนและพม่า
ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ติดต่อกับเวียดนามทางทิศตะวันออก
ติดต่อกับกัมพูชาทางทิศใต้ และติดต่อกับประเทศไทยทางทิศตะวันตก
(ลาว: ສາທາລະນະລັດປະຊາທິປະໄຕປະຊາຊົນລາວ, อักษรย่อ: ສປປລ.; อังกฤษ: Lao People's Democratic Republic)
เป็นประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งไม่มีทางออกสู่ทะเล
มีพื้นที่ 236,800 ตารางกิโลเมตร มีพรมแดนติดจีนและพม่า
ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ติดต่อกับเวียดนามทางทิศตะวันออก
ติดต่อกับกัมพูชาทางทิศใต้ และติดต่อกับประเทศไทยทางทิศตะวันตก
คิดบวก ชีวิตบวก
เวลาเจองานหนัก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือโอกาสในการเตรียมพร้อมสู่ความเป็นมืออาชีพ
เวลาเจอปัญหาซับซ้อน ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือบทเรียนที่จะสร้างปัญญาได้อย่างวิเศษ เวลาเจอความทุกข์หนัก
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือแบบฝึกหัดที่จะช่วยให้เกิดทักษะในการดำเนินชีวิต
เวลาเจอนายจอมละเมียด ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือการฝึกตนให้เป็นคนสมบูรณ์แบบ (Perfectionist)
เวลาเจอคำตำหนิ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการชี้ขุมทรัพย์มหาสมบัติ
เวลาเจอคำนินทา ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือการสะท้อนว่าเรายังคงเป็นคนที่มีความหมาย เวลาเจอความผิดหวัง ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือวิธีที่ธรรมชาติกำลังสร้างภูมิคุ้มกันให้กับชีวิต เวลาเจอความป่วยไข้
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการเตือนให้เห็นคุณค่าของการรักษาสุขภาพให้ดี
เวลาเจอความพลัดพราก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทเรียนของการรู้จักหยัดยืนด้วยขาตัวเอง
เวลาเจอลูกหัวดื้อ ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือโอกาสทองของการพิสูจน์ความเป็นพ่อแม่ที่แท้จริง เวลาเจอแฟนทิ้ง
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือความเป็นอนิจจังที่ทุกชีวิตมีโอกาสพานพบ
เวลาเจอคนที่ใช่แต่เขามีคู่แล้ว ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือประจักษ์พยานว่าไม่มีใครได้ทุกอย่างดั่งใจหวัง เวลาเจอภาวะ
หลุดจากอำนาจ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือความอนัตตาของชีวิตและสรรพสิ่ง
เวลาเจอคนกลิ้งกะล่อน ให้บอกตัวเองว่า
นี่คืออุทาหรณ์ของชีวิตที่ไม่น่าเจริญรอยตาม เวลาเจอคนเลว
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือตัวอย่างของชีวิตที่ไม่พึงประสงค์ เวลาเจออุบัติเหตุ
ใ
ห้บอกตัวเองว่า นี่คือคำเตือนว่าจงอย่าประมาทซ้ำอีกเป็นอันขาด เวลาเจอศัตรูคอยกลั่นแกล้ง ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือบททดสอบว่าที่ว่า “มารไม่มีบารมีไม่เกิด” เวลาเจอวิกฤต ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือบทพิสูจน์สัจธรรม “ในวิกฤตย่อมมีโอกาส” เวลาเจอความจน ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือวิธีที่ธรรมชาติเปิดโอกาสให้เราได้ต่อสู้ชีวิต เวลาเจอความตาย
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือฉากสุดท้ายที่จะทำให้ชีวิตมีความสมบูรณ์
เวลาเจอปัญหาซับซ้อน ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือบทเรียนที่จะสร้างปัญญาได้อย่างวิเศษ เวลาเจอความทุกข์หนัก
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือแบบฝึกหัดที่จะช่วยให้เกิดทักษะในการดำเนินชีวิต
เวลาเจอนายจอมละเมียด ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือการฝึกตนให้เป็นคนสมบูรณ์แบบ (Perfectionist)
เวลาเจอคำตำหนิ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการชี้ขุมทรัพย์มหาสมบัติ
เวลาเจอคำนินทา ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือการสะท้อนว่าเรายังคงเป็นคนที่มีความหมาย เวลาเจอความผิดหวัง ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือวิธีที่ธรรมชาติกำลังสร้างภูมิคุ้มกันให้กับชีวิต เวลาเจอความป่วยไข้
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการเตือนให้เห็นคุณค่าของการรักษาสุขภาพให้ดี
เวลาเจอความพลัดพราก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทเรียนของการรู้จักหยัดยืนด้วยขาตัวเอง
เวลาเจอลูกหัวดื้อ ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือโอกาสทองของการพิสูจน์ความเป็นพ่อแม่ที่แท้จริง เวลาเจอแฟนทิ้ง
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือความเป็นอนิจจังที่ทุกชีวิตมีโอกาสพานพบ
เวลาเจอคนที่ใช่แต่เขามีคู่แล้ว ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือประจักษ์พยานว่าไม่มีใครได้ทุกอย่างดั่งใจหวัง เวลาเจอภาวะ
หลุดจากอำนาจ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือความอนัตตาของชีวิตและสรรพสิ่ง
เวลาเจอคนกลิ้งกะล่อน ให้บอกตัวเองว่า
นี่คืออุทาหรณ์ของชีวิตที่ไม่น่าเจริญรอยตาม เวลาเจอคนเลว
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือตัวอย่างของชีวิตที่ไม่พึงประสงค์ เวลาเจออุบัติเหตุ
ใ
ห้บอกตัวเองว่า นี่คือคำเตือนว่าจงอย่าประมาทซ้ำอีกเป็นอันขาด เวลาเจอศัตรูคอยกลั่นแกล้ง ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือบททดสอบว่าที่ว่า “มารไม่มีบารมีไม่เกิด” เวลาเจอวิกฤต ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือบทพิสูจน์สัจธรรม “ในวิกฤตย่อมมีโอกาส” เวลาเจอความจน ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือวิธีที่ธรรมชาติเปิดโอกาสให้เราได้ต่อสู้ชีวิต เวลาเจอความตาย
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือฉากสุดท้ายที่จะทำให้ชีวิตมีความสมบูรณ์
มาดูกัน .....20 วิธีสังเกตว่าผู้ชายคนไหนที่รักคุณจริง ๆ กันแน่ อย่าพลาดนะ
1. เขาโทรหาคุณทุกๆ วันเลย เพื่อเล่าเรื่องต่างๆ ของเขาให้คุณฟัง
2. เขาหัวเราะให้กับมุขตลกของคุณเสมอ ไม่ว่าจะ "ขำ" หรือฝืด"
3. เขาบอกคุณอย่างจริงใจว่า เขาคิดถึงคุณจังเลย
4. เขานวดหลังให้คุณ โดยที่ไม่ขอให้คุณนวดให้เขาเป็นการตอบแทน
5. เขาโทรหาคุณบางช่วงของวัน เพราะเขาแค่ต้องการพูดว่า "คิดถึงคุณจัง"
6. เขามาหาคุณ และอยู่ข้างๆ คุณเวลาที่คุณไม่สบาย
7. เขามีข้อความพิเศษๆ แบบอ่านแล้วยิ้มแก้มปริให้กับคุณ
8. เขาชวนคุณเต้นรำในเพลงช้า!!!
9. เขามีของขวัญพิเศษให้คุณเสมอ แบบไม่ต้องรอวันพิเศษใดๆ
10. เขาจำวันพิเศษของคุณได้เสมอ!!!
11. เขาหอมแก้มคุณ เพราะอยากที่จะหอม ไม่ต้องมีเหตุผลอื่นๆ
12. เขาพาคุณไปเดินเล่น ดูพระอาทิตย์ตกดิน หรือดูดาวกับคุณ
13. เขาเล่าความลับของเขาแบบที่มีแค่เขาเท่านั้นที่ ให้คุณฟัง
14. เขาบอกคุณอย่างจริงใจว่า คุณดูสวยเสมอสำหรับเขา
15. เขายอมดูละครน้ำเน่าเรื่องโปรดของคุณเป็นเพื่อน
16. เขาทำให้คุณประหลาดใจด้วยอาหารมื้อค่ำที่ทำให้คุณประทับใจ
17. เขาทำให้คุณรู้สึกประทับใจเสมอ
18. เขาบอกรักคุณ โดยไม่หวังว่าคุณจะตอบว่าอะไร
19. เขาแสดงให้คุณรู้สึกได้ว่า เขาไม่เคยลืมความสำคัญของคุณเลย
20. เขากอดคุณเต็มอ้อมแขนเลาที่เขาอยากกอดคุณ โดยที่ไม่ต้องรอโอกาสพิเศษใดๆ
2. เขาหัวเราะให้กับมุขตลกของคุณเสมอ ไม่ว่าจะ "ขำ" หรือฝืด"
3. เขาบอกคุณอย่างจริงใจว่า เขาคิดถึงคุณจังเลย
4. เขานวดหลังให้คุณ โดยที่ไม่ขอให้คุณนวดให้เขาเป็นการตอบแทน
5. เขาโทรหาคุณบางช่วงของวัน เพราะเขาแค่ต้องการพูดว่า "คิดถึงคุณจัง"
6. เขามาหาคุณ และอยู่ข้างๆ คุณเวลาที่คุณไม่สบาย
7. เขามีข้อความพิเศษๆ แบบอ่านแล้วยิ้มแก้มปริให้กับคุณ
8. เขาชวนคุณเต้นรำในเพลงช้า!!!
9. เขามีของขวัญพิเศษให้คุณเสมอ แบบไม่ต้องรอวันพิเศษใดๆ
10. เขาจำวันพิเศษของคุณได้เสมอ!!!
11. เขาหอมแก้มคุณ เพราะอยากที่จะหอม ไม่ต้องมีเหตุผลอื่นๆ
12. เขาพาคุณไปเดินเล่น ดูพระอาทิตย์ตกดิน หรือดูดาวกับคุณ
13. เขาเล่าความลับของเขาแบบที่มีแค่เขาเท่านั้นที่ ให้คุณฟัง
14. เขาบอกคุณอย่างจริงใจว่า คุณดูสวยเสมอสำหรับเขา
15. เขายอมดูละครน้ำเน่าเรื่องโปรดของคุณเป็นเพื่อน
16. เขาทำให้คุณประหลาดใจด้วยอาหารมื้อค่ำที่ทำให้คุณประทับใจ
17. เขาทำให้คุณรู้สึกประทับใจเสมอ
18. เขาบอกรักคุณ โดยไม่หวังว่าคุณจะตอบว่าอะไร
19. เขาแสดงให้คุณรู้สึกได้ว่า เขาไม่เคยลืมความสำคัญของคุณเลย
20. เขากอดคุณเต็มอ้อมแขนเลาที่เขาอยากกอดคุณ โดยที่ไม่ต้องรอโอกาสพิเศษใดๆ
10 อย่างที่ผู้ชายเสียเปรียบผู้หญิง
อันดับ 1
ผู้หญิงหอมแก้มกัน : ดูน่ารัก
ผู้ชายหอมแก้มกัน : อืยยย...หวาดเสียว ขนลุก
อันดับ 2
ผู้หญิงใส่กางเกงฟิตๆ : น่ามองจิงๆ น่าชม
ผู้ชายใส่กางเกงฟิตๆ : แหยะ! จะอ้วก
อันดับ 3
ผู้หญิงตบผู้ชาย : ป้องกันตัว หรือ "สุดจะทน"
ผู้ชายตบผู้หญิง : ไอ่หน้าตัวเมีย!
อันดับ 4
ผู้หญิงร้องไห้ : ดูน่าสงสาร
ผู้ชายร้องไห้ : ปลาซิว
อันดับ 5
ผู้หญิงเป็นเพื่อนกัน ดูแลห่วงใยเอาใจใส่กัน : ดูน่ารักดี สดชื่น
ผู้ชายเป็นเพื่อนกัน ดูแลห่วงใยเอาใจใส่กัน : ชักแปลก ดูเหมือนคู่เกย์
อันดับ 6
ผู้หญิงหลอกรับประทานผู้ชาย : อ่อ อาจเป็นเรื่องปกติ
ผู้ชายหลอกรับประทานผู้หญิง : สารเลว เกาะผู้หญิงกิน
อันดับ 7
ผู้หญิงพูดตรงๆ : ดูเป็นคนเปิดเผย
ผู้ชายพูดตรงๆ : ไอ่บ้า พูดไม่เข้าหูคน
อันดับ 8
ผู้หญิงเข้าห้องน้ำผู้ชาย : มันผิดพลาดกันได้!
ผู้ชายเข้าห้องน้ำผู้หญิง : ไอ่บ้า! โรคจิต
อันดับ 9
ผู้หญิงเดินตกท่อ : น่าสงสารจัง เป็นอะไรมากมั้ย?
ผู้ชายเดินตกท่อ : ไอ่โง่! เดินไม่ดูตาม้าตาเรือซะเลย
อันดับ 10
ผู้หญิงขับรถปาดหน้า : ช่างเหอะ ผู้หญิงก้ออย่างนี้แหละ
ผู้ชายขับรถปาดหน้า : แซงขึ้นแล้วยิง!!
ผู้หญิงหอมแก้มกัน : ดูน่ารัก
ผู้ชายหอมแก้มกัน : อืยยย...หวาดเสียว ขนลุก
อันดับ 2
ผู้หญิงใส่กางเกงฟิตๆ : น่ามองจิงๆ น่าชม
ผู้ชายใส่กางเกงฟิตๆ : แหยะ! จะอ้วก
อันดับ 3
ผู้หญิงตบผู้ชาย : ป้องกันตัว หรือ "สุดจะทน"
ผู้ชายตบผู้หญิง : ไอ่หน้าตัวเมีย!
อันดับ 4
ผู้หญิงร้องไห้ : ดูน่าสงสาร
ผู้ชายร้องไห้ : ปลาซิว
อันดับ 5
ผู้หญิงเป็นเพื่อนกัน ดูแลห่วงใยเอาใจใส่กัน : ดูน่ารักดี สดชื่น
ผู้ชายเป็นเพื่อนกัน ดูแลห่วงใยเอาใจใส่กัน : ชักแปลก ดูเหมือนคู่เกย์
อันดับ 6
ผู้หญิงหลอกรับประทานผู้ชาย : อ่อ อาจเป็นเรื่องปกติ
ผู้ชายหลอกรับประทานผู้หญิง : สารเลว เกาะผู้หญิงกิน
อันดับ 7
ผู้หญิงพูดตรงๆ : ดูเป็นคนเปิดเผย
ผู้ชายพูดตรงๆ : ไอ่บ้า พูดไม่เข้าหูคน
อันดับ 8
ผู้หญิงเข้าห้องน้ำผู้ชาย : มันผิดพลาดกันได้!
ผู้ชายเข้าห้องน้ำผู้หญิง : ไอ่บ้า! โรคจิต
อันดับ 9
ผู้หญิงเดินตกท่อ : น่าสงสารจัง เป็นอะไรมากมั้ย?
ผู้ชายเดินตกท่อ : ไอ่โง่! เดินไม่ดูตาม้าตาเรือซะเลย
อันดับ 10
ผู้หญิงขับรถปาดหน้า : ช่างเหอะ ผู้หญิงก้ออย่างนี้แหละ
ผู้ชายขับรถปาดหน้า : แซงขึ้นแล้วยิง!!
อีืกหน่อยเราก็ตายจากกัน......แล้วนะ
คนเราอายุเฉลี่ย 60 ปี
1 ปี เท่ากับ 365 วัน
แสดงว่าแต่ละคนมีเวลาบนพื้นโลก 21,900 วัน
คิดปลีกย่อยไปกว่านั้นก็ 525,600 นาที
ลองนับเป็นสัปดาห์ อืม......... ไม่เลว 3,120 สัปดาห์
อุแม่เจ้า........แสดงว่า
เรามีโอกาสเที่ยวในคืนวันเสาร์สามพันกว่าครั้งเท่านั้นเอง
คิดแบบนี้แล้วไม่กล้าดูนาฬิกา
แทบเบือนหน้าหนีจากปฏิทิน
เพราะมันไม่ต่างอะไรกับการนับถอยหลังเพื่อรอวันลาโลก...
เปล่าเลยผมไม่ได้กลัวตาย
และขอโทษที่หากเรื่องอาจไม่ค่อยขำ
แต่ตลอดเวลาที่ใช้เวลาอยู่บนโลกนี้มันน้อยมากหากคำนวนในเชิงตัวเลข
ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่ยังไม่ได้อ่าน
เพลงอีกหลายเพลงยังไม่ได้ฟัง
หนังอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ได้ดู
ความรู้สึกในใจอีกมากมายที่ยังไม่เคยบอก
พื้นที่อีกหลายล้านตารางกิโลเมตรที่ยังไม่เคยไป โอ๊ย..... กลุ้ม
สองหมื่นกว่าวันที่เราได้รับมามัน
น้อยเกินไปจริง ๆ และที่น่ากลุ้มไปกว่านั้นคือ
ใช่ว่าทุกคนจะอยู่ถึง 60 ปี
แน่นอน 1 ปี ยังเท่ากับ 365 วัน
นั่นแสดงว่าบางคนไม่ได้มีเวลาบนพื้นโลก 21,900 วันหรอกนะ
อาจไม่ถึง 3,120 สัปดาห์ซะด้วยซ้ำ!
อุแม่เจ้าเทค 2
คืนวันเสาร์ที่จะได้ไปเที่ยวเหลือไม่ถึง
สามพันวันแล้วเหรอเนี่ย!!!!
คิดแบบนี้ต้องรีบยกนาฬิกาขึ้นมาดู
กางปฏิทินออกกว้าง ๆ
เพราะมันคือเวลาที่เราเหลือ.... บนโลกนี้
นี่ชั้นกำลังทำบ้าบออะไรอยู่.....ไม่เลยน้องสาว
นี่ไม่ใช่ปรัชญางี่เง่าอะไรทั้งสิ้น หากเป็นความจริงที่
เราไม่ค่อยได้มองมัน
เอาล่ะ งั้นสมมติว่าทุกคนอายุ 17 ปี
แปลว่าใช้ชีวิตมาแล้ว 6,205 วัน
และผ่านคืนวันเสาร์มาร้อยกว่าครั้ง ส่วนหน่วยนาทีนั้น ......
คำนวณเองบ้างซิว้อยย.....
เอาเวลาที่ใช้ไปนั้น หักลบกับเวลา ( ที่คาดว่าจะ) เหลืออยู่
ผลลัพธ์ที่ได้
เราจะทำยังไงกับมันดี .....
แต่น่าแปลก หลายคนยังยอมทำงานน่าเบื่อ
นั่งเอาหัวตากแอร์ไปวัน ๆ ยอมให้คนที่ไม่ใช่พ่อใช่แม่จิกหัวใช้
เพื่ออะไรบางอย่างที่เราเรียกว่า ' เงินเดือน '
บางคนทนเรียนอะไรก็ไม่รู้อยู่ 4 ปี ทั้ง ๆ
ที่ไม่รู้ว่าชอบหรือเปล่า รู้แต่ว่าแม่ชอบ
ไม่ก็เห็นแค่ว่าเพื่อนเรียน
เพียงแค่ตอบตัวเองไม่ได้ว่า กูจะเป็นอะไรดี
บางคนแอบรักเขา ซุ่มเลิฟอยู่อย่างนั้น
ปล่อยให้ความรู้สึกที่ดีลอยไปหาคนอื่น
แต่กลับปล่อยให้ใจตัวเองเหลืออยู่แต่ความ
รู้สึกต่ำต้อยได้ทุกวัน ทุกวัน ทุกวัน
บางคนกินทิฐิเป็นอาหาร เก๊กใส่กันไปวัน ๆ
ต่างฝ่ายต่างรอให้อีกฝ่ายง้อ มึงแน่ กูแน่ งอนการกุศล
ประชดทำลายสถิติ เชิดหยิ่งชิงชนะเลิศ....ไอ้บ้า
และอีกหลายคนนิยมกิจกรรม ' ฆ่าเวลา ' ชีวิตมันว่างจัด
ขนาดต้องฆ่าเวลากันเลย
บอกตรง ๆ เห็นแล้วอยากตบกบาล
เอ็งกำลังทำลายทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดที่มนุษย์ทุกคนพึงจะมี
อีกหน่อยเราก็ตายจากัน ...... แล้วนะ
ลองคิดแบบนี้บ้าง
ใช่แล้ว .... เราจะเกิดความเสียดาย
เพราะเหลืออีกหมื่นแสนล้านที่เรายังไม่ได้ทำ
ตายได้ไง หากฝันไม่สำเร็จ
ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ยอมตาย
1 ปี เท่ากับ 365 วัน
แสดงว่าแต่ละคนมีเวลาบนพื้นโลก 21,900 วัน
คิดปลีกย่อยไปกว่านั้นก็ 525,600 นาที
ลองนับเป็นสัปดาห์ อืม......... ไม่เลว 3,120 สัปดาห์
อุแม่เจ้า........แสดงว่า
เรามีโอกาสเที่ยวในคืนวันเสาร์สามพันกว่าครั้งเท่านั้นเอง
คิดแบบนี้แล้วไม่กล้าดูนาฬิกา
แทบเบือนหน้าหนีจากปฏิทิน
เพราะมันไม่ต่างอะไรกับการนับถอยหลังเพื่อรอวันลาโลก...
เปล่าเลยผมไม่ได้กลัวตาย
และขอโทษที่หากเรื่องอาจไม่ค่อยขำ
แต่ตลอดเวลาที่ใช้เวลาอยู่บนโลกนี้มันน้อยมากหากคำนวนในเชิงตัวเลข
ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่ยังไม่ได้อ่าน
เพลงอีกหลายเพลงยังไม่ได้ฟัง
หนังอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ได้ดู
ความรู้สึกในใจอีกมากมายที่ยังไม่เคยบอก
พื้นที่อีกหลายล้านตารางกิโลเมตรที่ยังไม่เคยไป โอ๊ย..... กลุ้ม
สองหมื่นกว่าวันที่เราได้รับมามัน
น้อยเกินไปจริง ๆ และที่น่ากลุ้มไปกว่านั้นคือ
ใช่ว่าทุกคนจะอยู่ถึง 60 ปี
แน่นอน 1 ปี ยังเท่ากับ 365 วัน
นั่นแสดงว่าบางคนไม่ได้มีเวลาบนพื้นโลก 21,900 วันหรอกนะ
อาจไม่ถึง 3,120 สัปดาห์ซะด้วยซ้ำ!
อุแม่เจ้าเทค 2
คืนวันเสาร์ที่จะได้ไปเที่ยวเหลือไม่ถึง
สามพันวันแล้วเหรอเนี่ย!!!!
คิดแบบนี้ต้องรีบยกนาฬิกาขึ้นมาดู
กางปฏิทินออกกว้าง ๆ
เพราะมันคือเวลาที่เราเหลือ.... บนโลกนี้
นี่ชั้นกำลังทำบ้าบออะไรอยู่.....ไม่เลยน้องสาว
นี่ไม่ใช่ปรัชญางี่เง่าอะไรทั้งสิ้น หากเป็นความจริงที่
เราไม่ค่อยได้มองมัน
เอาล่ะ งั้นสมมติว่าทุกคนอายุ 17 ปี
แปลว่าใช้ชีวิตมาแล้ว 6,205 วัน
และผ่านคืนวันเสาร์มาร้อยกว่าครั้ง ส่วนหน่วยนาทีนั้น ......
คำนวณเองบ้างซิว้อยย.....
เอาเวลาที่ใช้ไปนั้น หักลบกับเวลา ( ที่คาดว่าจะ) เหลืออยู่
ผลลัพธ์ที่ได้
เราจะทำยังไงกับมันดี .....
แต่น่าแปลก หลายคนยังยอมทำงานน่าเบื่อ
นั่งเอาหัวตากแอร์ไปวัน ๆ ยอมให้คนที่ไม่ใช่พ่อใช่แม่จิกหัวใช้
เพื่ออะไรบางอย่างที่เราเรียกว่า ' เงินเดือน '
บางคนทนเรียนอะไรก็ไม่รู้อยู่ 4 ปี ทั้ง ๆ
ที่ไม่รู้ว่าชอบหรือเปล่า รู้แต่ว่าแม่ชอบ
ไม่ก็เห็นแค่ว่าเพื่อนเรียน
เพียงแค่ตอบตัวเองไม่ได้ว่า กูจะเป็นอะไรดี
บางคนแอบรักเขา ซุ่มเลิฟอยู่อย่างนั้น
ปล่อยให้ความรู้สึกที่ดีลอยไปหาคนอื่น
แต่กลับปล่อยให้ใจตัวเองเหลืออยู่แต่ความ
รู้สึกต่ำต้อยได้ทุกวัน ทุกวัน ทุกวัน
บางคนกินทิฐิเป็นอาหาร เก๊กใส่กันไปวัน ๆ
ต่างฝ่ายต่างรอให้อีกฝ่ายง้อ มึงแน่ กูแน่ งอนการกุศล
ประชดทำลายสถิติ เชิดหยิ่งชิงชนะเลิศ....ไอ้บ้า
และอีกหลายคนนิยมกิจกรรม ' ฆ่าเวลา ' ชีวิตมันว่างจัด
ขนาดต้องฆ่าเวลากันเลย
บอกตรง ๆ เห็นแล้วอยากตบกบาล
เอ็งกำลังทำลายทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดที่มนุษย์ทุกคนพึงจะมี
อีกหน่อยเราก็ตายจากัน ...... แล้วนะ
ลองคิดแบบนี้บ้าง
ใช่แล้ว .... เราจะเกิดความเสียดาย
เพราะเหลืออีกหมื่นแสนล้านที่เรายังไม่ได้ทำ
ตายได้ไง หากฝันไม่สำเร็จ
ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ยอมตาย
ทำไม"เขา"หรือ"เธอ"ถึงคิดนอกใจ
เป็นพวกชอบแสวงหาความตื่นเต้นทางเพศ
ใครว่าเรื่องเซ็กส์ กับชีวิตคู่ไม่สำคัญล่ะก้อ บอกได้เลยว่าโกหกแหง๋ ๆ เพราะถ้าจะอยู่กันเฉย ๆ โดยไม่ต้องมีเซ็กส์มาเจือปนน่ะ คบกันแบบเพื่อนจะดีกว่านะตัวเอง เพราะผู้ชายเขาคงไม่ยินดีด้วยหรอก ก็สำหรับผู้ชายแล้ว หากจะคบเป็นคนรัก คุณเธอก็ต้องหมั่นบริหารเสน่ห์บนเตียงกันเสียบ้าง เพราะเมื่อไหร่ที่เขารู้สึกว่า น้ำพริกถ้วยเดิม รสชาติเริ่มคล้าย ๆ แกงจืดเข้าไปทุกที ไม่จี๊ดจ๊าดเหมือนเมื่อวันวาน เมื่อไปเจอรสชาติใหม่นอกบ้าน ที่กลมกล่อม แถมครบเครื่องกว่า ก็อาจเผลอใจ เผลอกาย ไปชั่วครั้งชั่วคราวได้บ้างเหมือนกันแหล่ะน่า แต่บางรายก็อาจติดใจจนกู่ไม่กลับ(บ้าน) กันไปเลย เข้าทำนองพี่เบื่อน้ำพริกถ้วยเดิมแล้วล่ะเมียจ๋า
เกิดไปพบคนที่ถูกใจกว่า
ความรักน่ะ อาจเกิดขึ้นได้อีกครั้งหรือหลายครั้งก็เป็นได้ เพราะบางคนน่ะชอบแสวงหารักใหม่อยู่เรื่อย ๆ ทั้งๆทีคนรักก็แสนดีและน่ารักออกอย่างนั้น แต่ก็ยังไม่ถูกใจจริง ๆ เสียที คนประเภทนี้มักลังเลกับความรักอยู่เสมอ อย่าแปลกใจเลยถ้าเขาจะนอกใจคุณ และอย่าไปถามหานิยามรักแท้จากคนหลายใจพรรค์นี้ เพราะเมื่อยปากไปเปล่า ๆ ล่ะเธอจ๋า
ชอบบริหารเสน่ห์ของตัวเอง
มักเกิดกับคนที่ไม่มั่นใจในตัวเอง อาจเกิดขึ้นได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง คนประเภทนี้จะมีความสุขที่ได้แอบทำผิดเล็ก ๆ กับคนรักของตัวเอง โดยเฉพาะถ้าทำให้คนอื่นที่ไม่ใช่แฟนตัวเอง ตกหลุมรักได้แล้วล่ะก็ จะเป็นปลื้มเอามาก ๆ ก็เป็นสิ่งการันตีว่าฉันยังมีเสน่ห์อยู่ล้นเหลือนั่นเอง แต่พวกนี้ดีหน่อย มักไม่ถลำลึกจนกลายเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย แต่หากไปเจอแฟนขึ้หึง มีสิทธิ์คอขาดเอาง่าย ๆ เหมือนกันแหล่ะน่า
มีเรื่องให้งัดข้อกันอยู่เรื่อย ๆ
แม้ชีวิตคู่ จะเหมือนกับลิ้นกับฟัน ที่มักกระทบกระทั่งกันได้ง่าย โดยไม่แคร์ที่จะรักษาครอบครัวให้มีความสุขต่อไป ก็อาจเป็นเหตุให้เขาหันไปแสวงหาความสุขใจ และการยอมรับจากคนอื่นแทน ซึ่งทำให้เรื่องนอกใจเกิดขึ้นได้ง่าย ยิ่งหากไปเจอเด็กสาว ๆ ที่ทำให้หัวใจหนุ่มของเขากระชุ่มกระชวยด้วยความรักขึ้นมาอีกครั้ง แถมเจ้าหล่อนยังพูดหวาน ฟังเพราะ และช่างเอาอกเอาใจกันสุดขีด หัวใจอันแห้งแล้งของเขา ก็ย่อมเบิกบานสดใสเป็นธรรมดา กรณีอย่างนี้จะโทษเขาฝ่ายเดียวก็คงไม่ถูกหรอก แม้เด็กมันจะยั่วด้วยก็เหอะ ไม่อยากให้เรื่องทะเลาะเบาะแว้ง ลุกลามกลายเป็นปัญหารักหมองต้องไม่ลืมว่า คุณมีสิทธิ์โกรธกันได้ แต่พยายามอย่าถากถางกันหรือมุ่งเอาชนะกันเพราะถ้าคิดจะอยู่ด้วยกัน ก็ต้องถนอมน้ำใจกันหน่อย แม้ในยามที่คุณขุ่นเคืองเขาก็เถอะ และที่สำคัญห้ามทะเลาะกันข้ามคืน ง้อกันบนเตียงนั่นแหละง่ายจะ ตายไป
ก็คงจะมีทางเลือกไม่กี่วิธี ที่จะแก้ปัญหาได้ วิธีนี้เหมาะกับคนที่คิดว่า แม้จะต้องอยู่อย่างเดียวดาย ชาตินี้ก็ไม่ขอเป็นสองรองใครเป็นอันขาด แต่หากนอนคิดหลาบตลบแล้ว ยังไง ๆ ชีวิตนี้ขาดเธอฉันคงขาดใจเป็นแน่ ก็ต้องทำใจ ให้อภัย และเริ่มต้นกันใหม่ดู ถ้าเขากลับมารักคุณสุดสวาทเหมือนเดิม เรื่องที่ผ่านมา ก็คิดเสียว่าเป็นแค่ฝันร้าย ลืมไปได้เลย แต่หากเขายังนอกใจซ้ำซาก ต่อให้รักมากแค่ไหนก็เถอะ ถามตัวเองแบบกล้า ๆ กันหน่อย ว่าคุณมีความสุขดีหรือต้องทนอยู่กับผู้ชายหลายใจแบบนั้น
ใครว่าเรื่องเซ็กส์ กับชีวิตคู่ไม่สำคัญล่ะก้อ บอกได้เลยว่าโกหกแหง๋ ๆ เพราะถ้าจะอยู่กันเฉย ๆ โดยไม่ต้องมีเซ็กส์มาเจือปนน่ะ คบกันแบบเพื่อนจะดีกว่านะตัวเอง เพราะผู้ชายเขาคงไม่ยินดีด้วยหรอก ก็สำหรับผู้ชายแล้ว หากจะคบเป็นคนรัก คุณเธอก็ต้องหมั่นบริหารเสน่ห์บนเตียงกันเสียบ้าง เพราะเมื่อไหร่ที่เขารู้สึกว่า น้ำพริกถ้วยเดิม รสชาติเริ่มคล้าย ๆ แกงจืดเข้าไปทุกที ไม่จี๊ดจ๊าดเหมือนเมื่อวันวาน เมื่อไปเจอรสชาติใหม่นอกบ้าน ที่กลมกล่อม แถมครบเครื่องกว่า ก็อาจเผลอใจ เผลอกาย ไปชั่วครั้งชั่วคราวได้บ้างเหมือนกันแหล่ะน่า แต่บางรายก็อาจติดใจจนกู่ไม่กลับ(บ้าน) กันไปเลย เข้าทำนองพี่เบื่อน้ำพริกถ้วยเดิมแล้วล่ะเมียจ๋า
เกิดไปพบคนที่ถูกใจกว่า
ความรักน่ะ อาจเกิดขึ้นได้อีกครั้งหรือหลายครั้งก็เป็นได้ เพราะบางคนน่ะชอบแสวงหารักใหม่อยู่เรื่อย ๆ ทั้งๆทีคนรักก็แสนดีและน่ารักออกอย่างนั้น แต่ก็ยังไม่ถูกใจจริง ๆ เสียที คนประเภทนี้มักลังเลกับความรักอยู่เสมอ อย่าแปลกใจเลยถ้าเขาจะนอกใจคุณ และอย่าไปถามหานิยามรักแท้จากคนหลายใจพรรค์นี้ เพราะเมื่อยปากไปเปล่า ๆ ล่ะเธอจ๋า
ชอบบริหารเสน่ห์ของตัวเอง
มักเกิดกับคนที่ไม่มั่นใจในตัวเอง อาจเกิดขึ้นได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง คนประเภทนี้จะมีความสุขที่ได้แอบทำผิดเล็ก ๆ กับคนรักของตัวเอง โดยเฉพาะถ้าทำให้คนอื่นที่ไม่ใช่แฟนตัวเอง ตกหลุมรักได้แล้วล่ะก็ จะเป็นปลื้มเอามาก ๆ ก็เป็นสิ่งการันตีว่าฉันยังมีเสน่ห์อยู่ล้นเหลือนั่นเอง แต่พวกนี้ดีหน่อย มักไม่ถลำลึกจนกลายเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย แต่หากไปเจอแฟนขึ้หึง มีสิทธิ์คอขาดเอาง่าย ๆ เหมือนกันแหล่ะน่า
มีเรื่องให้งัดข้อกันอยู่เรื่อย ๆ
แม้ชีวิตคู่ จะเหมือนกับลิ้นกับฟัน ที่มักกระทบกระทั่งกันได้ง่าย โดยไม่แคร์ที่จะรักษาครอบครัวให้มีความสุขต่อไป ก็อาจเป็นเหตุให้เขาหันไปแสวงหาความสุขใจ และการยอมรับจากคนอื่นแทน ซึ่งทำให้เรื่องนอกใจเกิดขึ้นได้ง่าย ยิ่งหากไปเจอเด็กสาว ๆ ที่ทำให้หัวใจหนุ่มของเขากระชุ่มกระชวยด้วยความรักขึ้นมาอีกครั้ง แถมเจ้าหล่อนยังพูดหวาน ฟังเพราะ และช่างเอาอกเอาใจกันสุดขีด หัวใจอันแห้งแล้งของเขา ก็ย่อมเบิกบานสดใสเป็นธรรมดา กรณีอย่างนี้จะโทษเขาฝ่ายเดียวก็คงไม่ถูกหรอก แม้เด็กมันจะยั่วด้วยก็เหอะ ไม่อยากให้เรื่องทะเลาะเบาะแว้ง ลุกลามกลายเป็นปัญหารักหมองต้องไม่ลืมว่า คุณมีสิทธิ์โกรธกันได้ แต่พยายามอย่าถากถางกันหรือมุ่งเอาชนะกันเพราะถ้าคิดจะอยู่ด้วยกัน ก็ต้องถนอมน้ำใจกันหน่อย แม้ในยามที่คุณขุ่นเคืองเขาก็เถอะ และที่สำคัญห้ามทะเลาะกันข้ามคืน ง้อกันบนเตียงนั่นแหละง่ายจะ ตายไป
ก็คงจะมีทางเลือกไม่กี่วิธี ที่จะแก้ปัญหาได้ วิธีนี้เหมาะกับคนที่คิดว่า แม้จะต้องอยู่อย่างเดียวดาย ชาตินี้ก็ไม่ขอเป็นสองรองใครเป็นอันขาด แต่หากนอนคิดหลาบตลบแล้ว ยังไง ๆ ชีวิตนี้ขาดเธอฉันคงขาดใจเป็นแน่ ก็ต้องทำใจ ให้อภัย และเริ่มต้นกันใหม่ดู ถ้าเขากลับมารักคุณสุดสวาทเหมือนเดิม เรื่องที่ผ่านมา ก็คิดเสียว่าเป็นแค่ฝันร้าย ลืมไปได้เลย แต่หากเขายังนอกใจซ้ำซาก ต่อให้รักมากแค่ไหนก็เถอะ ถามตัวเองแบบกล้า ๆ กันหน่อย ว่าคุณมีความสุขดีหรือต้องทนอยู่กับผู้ชายหลายใจแบบนั้น
ทำสีผมให้เหมาะกับราศี
ที่เกิดวันอาทิตย์
ท่านที่เกิดวันอาทิตย์ ท่านเป็นธาตุไฟตามดวงอาทิตย์ ผมของท่านควรจะหยิกหยักโศกเล็กน้อย ตามลักษณะของธาตุไฟ ส่วนการทำสีผมที่ใช้ไม่ควรเป็นสีดำสนิท ควรทำผมเป็นสีน้ำตาลหรือออกไปในแนวโทนสีแดงก็จะทำให้ท่านดูเด่น และสามารถเพิ่มพลังของธาตุกำเนิดของท่านให้มีความเป็นโชคลาภได้ หรือการทำผมซอยสั้นๆและชี้ๆก็ดีเหมือนกัน นอกจากนี้ท่านไม่ควรไว้ผมยาวมากจนเกินไปนัก หรือการทำผมเป็นลอนคลื่นเหมือนน้ำ จะไปหักล้างพิฆาตกันเองของธาตุน้ำและธาตุไฟ ทำอะไรจะติดขัดไม่ราบรื่น
ที่เกิดวันจันทร์
ท่านที่เกิดวันจันทร์ ท่านเป็นธาตุดินใกล้น้ำเหมือนดวงจันทร์ ผม ของท่านน่าจะเป็นลักษณะที่เรียบตรงง่ายๆ ถ้าท่านเป็นคนที่ผมหยิกหยักโศกโดยกำเนิดก็ควรไปเหยียดให้ตรงจะดีกว่า หรือถ้าจะดัดผมบ้างก็ขอแบบนิดหน่อย สีผมควรเป็นดำหรือสีเข้มๆ ควรให้ผมยาวในระดับที่ดูดีหรือทำเป็นผมม้าเลยก็ได้ ก็จะไปส่งเสริมเพื่มพูนกระแสธาตุดินอันเป็นธาตุกำเนิดของท่านให้มีความเป็นโชควาสนาทำการใดๆก็ราบรื่น นอกจากนี้ท่านไม่ควรทำผมแบบลูกคลื่น เพราะเป็นลักษณะของธาตุน้ำที่บางทีจะพิฆาตกัน จะทำให้ท่านติดขัดไม่ราบรื่น
ผู้ที่เกิดวันอังคาร
ท่านที่เกิดวันอังคาร ท่านเป็นธาตุลมตามธาตุแห่งดาวอังคาร ผมของท่านควรออกไปในแนวที่สามารถพริ้วไหวได้ ยิ่งเวลาที่เดินแล้วมีการกระเพื่อมไหวได้เล็กน้อยยิ่งดี ก็จะโบกไหวแสดงความเป็นพลังของวาสนาออกมาให้เกิดความเป็นโชคลาภ หรือท่านอาจจะตัดผมแบบทรงผมตั้งๆก็ดีเหมือนกัน ผมตั้งนั้นเป็นลักษณะธาตุไฟ ตามหลักถือว่าลมให้กำเนิดไฟและเกื้อกูลกัน สีผมก็ควรจะออกแนวแดงหรือน้ำตาลหรือสีทองส่วนผมทรงเรียบๆหรือการเกล้ามวยซึ่งเป็นธาตุดินจะหักล้างพิฆาตธาตุลมท่านมักจะทำงานติดขัดไม่ราบรื่น
ผู้ที่เกิดวันพุธ
ท่านที่เกิดวันพุธ ท่านเป็นธาตุน้ำโดยกำเนิดตามดาวพุธ ทรงผมควรดูฉ่ำ หรือมีการใส่ เจลหรือใส่น้ำมัน ทรงผมควรเป็นคลื่นเล็กน้อย ถ้าท่านผมตรงก็ควรไปดัดให้เป็นลอนบ้าง การทำสีผมก็ทำได้ทุกสี แต่ก็ไม่ควรไว้ผมยาวจนเกินไป ทรงผมควรปัดซ้ายหรือขวาก็จะเหนี่ยวนำความเป็นโชคลาภและเรื่องดีๆเข้ามาในชีวิต โดยปรกติผู้เกิดวันพุธจะสามารถทำได้เกือบทุกทรงผม ยกเว้นลักษณะที่ทำผมชี้ขึ้นหรือแบบตั้งซึ่งเป็นแบบธาตุไฟ จะไปหักล้างกับธาตุของท่าน การไว้ผมปิดหน้าผากไม่ดีนักสำหรับท่าน เพราะเหมือนไปปิดประตูแห่งโชคลาภเช่นกัน
ผู้ที่เกิดวันพฤหัส
ท่านที่เกิดวันพฤหัส ท่านเป็นธาตุดินแข็งตามธาตุกำเนิดแห่งดาว พฤหัส ทรงผมที่ดีควรราบเรียบไม่ชี้หรือฟูจนเกินไป ท่านควรจะเกล้ามวยให้เรียบร้อย ทรงผมควรเปิดหน้าผากให้เต็มที่หรือแบบเสยไปด้านหลัง ก็จะทำให้ท่านดูเด่นเป็นสง่า เหนี่ยวนำความดีและโอกาสดีๆเข้ามาในชีวิต ส่วนการทำสีผมจะทำเป็นสีอะไรก็ได้ เพราะไม่ค่อยมีผลกับตัวท่าน แต่หากจะให้ดีควรทำผมสีเข้มไว้จะดีกว่าสีที่ออกโทนอ่อนๆ ผมที่หยิกหยักโศกมากไม่ดีนัก หรือผมที่มีลักษณะยาวจนถึงกลางหลังก็ไม่ค่อยดีนัก จะหักล้างสิ่งที่ดีไม่ให้เข้ามา
ผู้ที่เกิดวันศุกร์
ท่านที่เกิดวันศุกร์ ท่านเป็นธาตุน้ำทะเลกว้างตามธาตุกำเนิดแห่ง ดาวศุกร์ ทรงผมที่ดีควรเป็นลอนคลื่นค่อนข้างใหญ่ หรือหยิดหยักโศกก็ยิ่งดีมากผมควรจะปัดซ้ายหรือขวา ไม่ควรจะเป็นเส้นตรงจนเกินไปนัก ถ้าจะไว้ผมทรงสั้นก็ควรให้แลดูเป็นคลื่นปิดหน้าผากบางส่วน ทรงผมเหล่านี้จะทำให้ท่านขับความเป็นตัวของท่านเองตามลักษณะของดาวประจำวันเกิดธาตุน้ำ การทำสีผมทำสีอะไรก็ได้ยกเว้นสีแดง และการทำผมแบบตั้งชี้ไม่ค่อยดีนักต่อท่าน เพราะจะทำให้ท่านถูกอำนาจแห่งธาตุไฟหักล้างกระแสดีๆที่จะเหนี่ยวนำเข้ามาในชีวิต
ผู้ที่เกิดวันเสาร์
ท่านที่เกิดวันเสาร์ ท่านเป็นธาตุไฟแบบไฟป่าตามกำเนิดธาตุแห่งดาวเสาร์ ทรงผมที่ดีควรแลดูไม่เรียบแบนจนเกินไป หยิกหยักโศกบ้างจะยิ่งดีใหญ่ทรงผมต้องไม่สั้นและไม่ยาวจนเกินไปนัก ผมลักษณะที่มีการตั้งชี้หรือฉีกเป็นเส้นตรงด้านหน้าหรือท้ายทอยก็ใช้ได้ ส่วนสีผมควรใช้โทนสีแดงก็จะทำให้ส่งพลังที่ดีออกมา ทรงเหล่านี้จะทำให้เสริมส่งความเป็นตัวของท่านเองตามแม่ธาตุกำเนิดแห่งดาวเสาร์ ส่วนการทำผมสีทองหรือการดัดเป็นลอนคลื่นใหญ่มาก จะไม่ค่อยดีนักแก่ท่านเพราะไปหักล้างเหมือนน้ำไฟ ทำให้ท่านติดขัดได้
ท่านที่เกิดวันอาทิตย์ ท่านเป็นธาตุไฟตามดวงอาทิตย์ ผมของท่านควรจะหยิกหยักโศกเล็กน้อย ตามลักษณะของธาตุไฟ ส่วนการทำสีผมที่ใช้ไม่ควรเป็นสีดำสนิท ควรทำผมเป็นสีน้ำตาลหรือออกไปในแนวโทนสีแดงก็จะทำให้ท่านดูเด่น และสามารถเพิ่มพลังของธาตุกำเนิดของท่านให้มีความเป็นโชคลาภได้ หรือการทำผมซอยสั้นๆและชี้ๆก็ดีเหมือนกัน นอกจากนี้ท่านไม่ควรไว้ผมยาวมากจนเกินไปนัก หรือการทำผมเป็นลอนคลื่นเหมือนน้ำ จะไปหักล้างพิฆาตกันเองของธาตุน้ำและธาตุไฟ ทำอะไรจะติดขัดไม่ราบรื่น
ที่เกิดวันจันทร์
ท่านที่เกิดวันจันทร์ ท่านเป็นธาตุดินใกล้น้ำเหมือนดวงจันทร์ ผม ของท่านน่าจะเป็นลักษณะที่เรียบตรงง่ายๆ ถ้าท่านเป็นคนที่ผมหยิกหยักโศกโดยกำเนิดก็ควรไปเหยียดให้ตรงจะดีกว่า หรือถ้าจะดัดผมบ้างก็ขอแบบนิดหน่อย สีผมควรเป็นดำหรือสีเข้มๆ ควรให้ผมยาวในระดับที่ดูดีหรือทำเป็นผมม้าเลยก็ได้ ก็จะไปส่งเสริมเพื่มพูนกระแสธาตุดินอันเป็นธาตุกำเนิดของท่านให้มีความเป็นโชควาสนาทำการใดๆก็ราบรื่น นอกจากนี้ท่านไม่ควรทำผมแบบลูกคลื่น เพราะเป็นลักษณะของธาตุน้ำที่บางทีจะพิฆาตกัน จะทำให้ท่านติดขัดไม่ราบรื่น
ผู้ที่เกิดวันอังคาร
ท่านที่เกิดวันอังคาร ท่านเป็นธาตุลมตามธาตุแห่งดาวอังคาร ผมของท่านควรออกไปในแนวที่สามารถพริ้วไหวได้ ยิ่งเวลาที่เดินแล้วมีการกระเพื่อมไหวได้เล็กน้อยยิ่งดี ก็จะโบกไหวแสดงความเป็นพลังของวาสนาออกมาให้เกิดความเป็นโชคลาภ หรือท่านอาจจะตัดผมแบบทรงผมตั้งๆก็ดีเหมือนกัน ผมตั้งนั้นเป็นลักษณะธาตุไฟ ตามหลักถือว่าลมให้กำเนิดไฟและเกื้อกูลกัน สีผมก็ควรจะออกแนวแดงหรือน้ำตาลหรือสีทองส่วนผมทรงเรียบๆหรือการเกล้ามวยซึ่งเป็นธาตุดินจะหักล้างพิฆาตธาตุลมท่านมักจะทำงานติดขัดไม่ราบรื่น
ผู้ที่เกิดวันพุธ
ท่านที่เกิดวันพุธ ท่านเป็นธาตุน้ำโดยกำเนิดตามดาวพุธ ทรงผมควรดูฉ่ำ หรือมีการใส่ เจลหรือใส่น้ำมัน ทรงผมควรเป็นคลื่นเล็กน้อย ถ้าท่านผมตรงก็ควรไปดัดให้เป็นลอนบ้าง การทำสีผมก็ทำได้ทุกสี แต่ก็ไม่ควรไว้ผมยาวจนเกินไป ทรงผมควรปัดซ้ายหรือขวาก็จะเหนี่ยวนำความเป็นโชคลาภและเรื่องดีๆเข้ามาในชีวิต โดยปรกติผู้เกิดวันพุธจะสามารถทำได้เกือบทุกทรงผม ยกเว้นลักษณะที่ทำผมชี้ขึ้นหรือแบบตั้งซึ่งเป็นแบบธาตุไฟ จะไปหักล้างกับธาตุของท่าน การไว้ผมปิดหน้าผากไม่ดีนักสำหรับท่าน เพราะเหมือนไปปิดประตูแห่งโชคลาภเช่นกัน
ผู้ที่เกิดวันพฤหัส
ท่านที่เกิดวันพฤหัส ท่านเป็นธาตุดินแข็งตามธาตุกำเนิดแห่งดาว พฤหัส ทรงผมที่ดีควรราบเรียบไม่ชี้หรือฟูจนเกินไป ท่านควรจะเกล้ามวยให้เรียบร้อย ทรงผมควรเปิดหน้าผากให้เต็มที่หรือแบบเสยไปด้านหลัง ก็จะทำให้ท่านดูเด่นเป็นสง่า เหนี่ยวนำความดีและโอกาสดีๆเข้ามาในชีวิต ส่วนการทำสีผมจะทำเป็นสีอะไรก็ได้ เพราะไม่ค่อยมีผลกับตัวท่าน แต่หากจะให้ดีควรทำผมสีเข้มไว้จะดีกว่าสีที่ออกโทนอ่อนๆ ผมที่หยิกหยักโศกมากไม่ดีนัก หรือผมที่มีลักษณะยาวจนถึงกลางหลังก็ไม่ค่อยดีนัก จะหักล้างสิ่งที่ดีไม่ให้เข้ามา
ผู้ที่เกิดวันศุกร์
ท่านที่เกิดวันศุกร์ ท่านเป็นธาตุน้ำทะเลกว้างตามธาตุกำเนิดแห่ง ดาวศุกร์ ทรงผมที่ดีควรเป็นลอนคลื่นค่อนข้างใหญ่ หรือหยิดหยักโศกก็ยิ่งดีมากผมควรจะปัดซ้ายหรือขวา ไม่ควรจะเป็นเส้นตรงจนเกินไปนัก ถ้าจะไว้ผมทรงสั้นก็ควรให้แลดูเป็นคลื่นปิดหน้าผากบางส่วน ทรงผมเหล่านี้จะทำให้ท่านขับความเป็นตัวของท่านเองตามลักษณะของดาวประจำวันเกิดธาตุน้ำ การทำสีผมทำสีอะไรก็ได้ยกเว้นสีแดง และการทำผมแบบตั้งชี้ไม่ค่อยดีนักต่อท่าน เพราะจะทำให้ท่านถูกอำนาจแห่งธาตุไฟหักล้างกระแสดีๆที่จะเหนี่ยวนำเข้ามาในชีวิต
ผู้ที่เกิดวันเสาร์
ท่านที่เกิดวันเสาร์ ท่านเป็นธาตุไฟแบบไฟป่าตามกำเนิดธาตุแห่งดาวเสาร์ ทรงผมที่ดีควรแลดูไม่เรียบแบนจนเกินไป หยิกหยักโศกบ้างจะยิ่งดีใหญ่ทรงผมต้องไม่สั้นและไม่ยาวจนเกินไปนัก ผมลักษณะที่มีการตั้งชี้หรือฉีกเป็นเส้นตรงด้านหน้าหรือท้ายทอยก็ใช้ได้ ส่วนสีผมควรใช้โทนสีแดงก็จะทำให้ส่งพลังที่ดีออกมา ทรงเหล่านี้จะทำให้เสริมส่งความเป็นตัวของท่านเองตามแม่ธาตุกำเนิดแห่งดาวเสาร์ ส่วนการทำผมสีทองหรือการดัดเป็นลอนคลื่นใหญ่มาก จะไม่ค่อยดีนักแก่ท่านเพราะไปหักล้างเหมือนน้ำไฟ ทำให้ท่านติดขัดได้
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)